WelcoMe To ->Bei!zZ<- WonDerLand Cute Pixel Graphics from Freeglitters.com
Myspace Comments

วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ข้อสอบวิศวะ

หวัดดีจ้าเพื่อนๆ เราได้ link ข้อสอบเข้าวิศวะมา อยากให้เพื่อนๆได้ลองดูกันว่าจะยากสักแค่ไหน
นักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์เค้าเรียนกันหนัก ไปแอบดูข้อสอบแบบเบาๆ ของเค้าก่อนสิ ฮากระจายยยยย!
แหม! โจทย์เขาสั่งให้หา x มันก็วงกลมล้อมรอบ
แล้วมีการเขียนบอกว่า "อยู่นี่ไง" อีกต่างหาก ผลคือ ได้ 0 แบบบไม่ต้องสืบ
อันนี้ ถ้าเรียนแคลคูลัสแล้วจะช่วยให้ฮายิ่งขึ้น...... ก็คือ อาจารย์คนนี้แกสอนเด็กว่า
ถ้าลิมิตเข้าใกล้ a ของ 1/(x-a) แล้ว คำตอบมันจะได้เท่ากับ อินฟินิตี้ แล้วแกก็ยกตัวอย่างกรณี a=8......
ปลาดุก และปลากฎว่า เครื่องหมายอินฟินิตี้ มันดันไปเหมือนกับเลข 8 ตะแคงข้าง......
เด็กมันก็เลยเข้าใจว่า คำตอบของโจทย์ทำนองนี้ ก็คือ ให้เอาตัวเลขไปตะแคงข้าง พอลิมิตเข้าใกล้ 5 ปุ๊บ มันก็ตอบเป็น เลข 5 ตะแคงข้างทันที เออ เอากับมัน
อันนี้ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆให้มันลึกซึ้ง คนแก้สมการตัดตัวเลขมันมือไปหน่อยยังไงไม่ทราบ
ดันไปตัด 1/n กับ ตัว n ของคำว่า sin แล้วเผอิญมันกลายเป็นคำว่า six ก็เลยตอบ 6 ไปซะดื้อๆ ฮ่วย!
อันนี้เห็นแล้วอยากกรี๊ดเป็นภาษาไนจีเรีย โจทย์บอกจงกระจาย คนทำมันก็กระจายจริงๆ.......เขาบอกกระจายเป็นพจน์ว้อยยย ไม่ใช่กระจายตัวหนังสือ
ผมเห็นใจคนนี้มากที่สุด เพราะดูเค้าพยายามแล้ว แต่ประมาณคิดไปคิดมาแล้วมันตันไปต่อไม่ได้ยังไงไม่ทราบ เฮียแกเลยสติแตก ผูกคอตายบนเครื่องหมายรากมันซะเลย...... ไปสู่สุขตินะเฮีย
เปลี่ยนมาดูวิชาภาษาอังกฤษกันบ้าง ผมว่าเจ้าของกระดาษคำตอบแผ่นนี้คงติดเกมออนไลน์แหงมๆ
สำหรับคนไม่เข้าใจมุก.......ภาษาของคนที่เล่นเกมออนไลน์
คำว่า pro หมายถึง คนที่เล่นเก่งๆ หรือทีเรียกว่า "เทพ" นั่นแหละครับ ส่วน คำว่า noob มาจาก newbie หมายถึง คนเล่นไม่เก่ง หรืออ่อนหัด อะไรทำนองนั้น
ออกแนวเกมวัดดวงกันเลยครับสำหรับรายนี้ สงสัยพี่แกกะว่า เลือก C รวดทั้งร้อยข้อ ขี้หมูขี้หมามันต้องมีข้อถูก.........แต่เผอิญมันซวยตรงที่ อีตานี่คงอ่านโจทย์ไม่ดี ข้อสอบมันเป็นแบบถูกผิด ถ้าถูกเลือก A ถ้าผิดเลือก B แต่อีตานี่ดันโซโล่ C ทั้งร้อยข้อ (จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด -*-)
เป็นการเชือดเฉือนกันด้วยธรรมะกันเลยทีเดียว.... เมื่อลูกศิษย์ร้องขอความเมตตา
ด้วยสุภาษิต "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก" (ให้คะแนนผมเถอะ)
แต่อาจารย์ก็ใช่เบา สวนกลับด้วยสุภาษิต "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" (ทำได้แค่นี้ ก็เอาคะแนนไปเท่านี้)

ไม่รู้จะบรรยายไงดี แต่ขอบอกว่า อาจารย์ให้ค่ามุกไปตั้ง 1 คะแนนแน่ะ

Posted by : pumpim

วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Why your parents want you don't come back home to late.

In my family don't serious about time to go outside the home. If I want to go outside I will tell to my father everytime. And he will fix time don't come back hoem over 6 p.m.
It like that,I think my parents look I was young and I'm only daughter in family. They rather worry anything that happen with me. My father will be serious then I go outside the home. He will cell phone to me everytime.

Nowaday I will have extra class after school. So it is cause I come back to late. Estimate not more than 9 p.m. Tis only reason at my father agree when I come back late. In the same way, If I don't have class then I come back late, he will ask and punish. I understand at he does that because he doesn't have to his daudhter gets an accident. My parents worry I will be dceived by stanger. They are adult and more experience. So I should obey and follow that he said.

In the second place is my parents look me don't reach one's legal age, can't save oneself is't the same as the man. If some thing is very wicked happen with me. I may can't protme family look gorls are same as boys. If we teach him or her to do a good things. This point can give freedom to childen. And they can know think know perform and can manage to live when they not stay at home. It is harvest experience give to life also.

This is tha all reason at I think my parents want I don't come back home to late.

ข้อดี 14 ประการจากการเลิกกัน

การใช้ชีวิตคู่ถ้าอยู่แล้วทรมาน เลิกกันได้ก็จะดีเพราะมันมีประโยชน์ดังนี้
1. ประหยัดค่าโทรศัพท์ (ช่วยชาติ)
2. ไม่ต้องรีบกลับบ้าน (เพื่อกลับมาโทรศัพท์)
3. ไม่ต้องห่วงใคร (ก็มันไม่มีให้ห่วงแล้วนี่)
4. ไม่ต้องคิดถึงใคร (มันไม่มีให้คิดถึงอีกแล้ว..นี่)
5. ไม่ต้องรายงานตัว (อิสระ..ไม่ต้องจ่ายรายเดือน)
6. ฟังเพลาเศร้า เพร๊าะ..เพราะ (ทุกเพลง..FOR ME)
7. ไม่เปลืองหัวใจ (ขอใจ..เธอคืน)
8. อาจจะผอม (ว๊า!!..แต่ไม่เห็นเบื่ออาหารเลย..กินเอ๊า..กินเอา)
9. ทำไมมันต้องเหลือเวลาว่างผิดปกติหว่า (จะทำอะไรดีน๊อ)
10. ไม่ต้องมานั่งค่อยนึกว่าวันนี้เราทำ หรือพูดอะไรผิดไป เพราะเวลางอน อีกฝ่ายชอบพูดว่า “น่าจะรู้นะว่าทำอะไรลงไป” (อ้าว..ทำไปตั้งหลายอย่าง จำไม่หมดหลอก)
11. สามารถไปหาแฟนใหม่ได้ รับรองต้องดีกว่าเก่า โดยไม่ต้องเกรงใจใคร...ไม่ผิดด้วยยยยยย ก้อเราโสดนี่น่า เน๊อะ^^
12. ไม่ต้องคอยลุ้นเวลา cheak mail ว่าจะมีเมลล์เค้ารึเปล่า...
13. ได้เป็นตัวเองอีกครั้ง ทำทุกอย่างที่รู้สึกพอใจจริงๆ
14. ได้เปิดตัวใหม่สักที หลังจากปกปิดมานาน อิ อิ อิ


บีไม่ได้มีเจตนาให้ทุกคู่เลิกกันนะคะ นี่เป็นแค่สิ่งดีๆที่เวลาไม่มีคู่เท่านั้น แค่ขำขำนะ ยังไงบีก็อยากให้ทุกคนมีความสุขและรักกันตลอดไปคะ

"คุณค่าของเวลา"

เวลามีค่ามากแค่ไหน

1. ถ้าท่านอยากรู้ว่า เวลา 10 ปี มีค่ามากแค่ไหน
ให้ถามคู่แต่งงานที่เพิ่งหย่าร้างกัน

2. ถ้าท่านอยากรู้ว่า เวลา 4 ปี มีค่ามากแค่ไหน
ให้ถามนิสิตนักศึกษาที่เพิ่งรับปริญญาจากมหาวิทยาลัย

3. ถ้าท่านอยากรู้ว่า เวลา 1 ปี มีค่ามากแค่ไหน
ให้ถามนักเรียนที่สอบไล่ตก

4. ถ้าท่านอยากรู้ว่า เวลา 9 เดือน มีค่ามากแค่ไหน
ให้ถามมารดาที่เพิ่งคลอดบุตร

5. ถ้าท่านอยากรู้ว่า เวลา 1 เดือน มีค่ามากแค่ไหน
ให้ถามมารดาที่คลอดบุตรยังไม่ครบกำหนด

6. ถ้าท่านอยากรู้ว่า เวลา 1 อาทิตย์ มีค่ามากแค่ไหน
ให้ถามบรรณาธิการหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์

7. ถ้าท่านอยากรู้ว่า เวลา 1 ชั่วโมง มีค่ามากแค่ไหน
ให้ถามคนรักที่รอพบกัน

8. ถ้าท่านอยากรู้ว่า เวลา 1 นาที มีค่ามากแค่ไหน
ให้ถามนที่พลาดรถไฟ รถประจำทาง หรือเครื่องบิน

9. ถ้าท่านอยากรู้ว่า เวลา 1 วินาที มีค่ามากแค่ไหน
ให้ถามคนที่รอดตายจากอุบัติเหตุอย่างหวุดหวิด

10.ถ้าท่านอยากรู้ว่า เวลาเสี้ยวหนึ่งของวินาที มีค่ามากแค่ไหน
ให้ถามนักกีฬาโอลิมปิกที่ชนะเหรียญเงิน

11.ถ้าท่านอยากรู้ว่า มิตรภาพ มีค่ามากแค่ไหน
ให้ลองเสียเพื่อนสนิทซักคนหนึ่ง

“เวลาไม่เคยรอใคร เมื่อมันผ่านไปแล้ว มันจะไม่กลับมาอีก จงใช้เวลาของท่านทุกขณะอย่างดีที่สุดท่านจะรู้คุณค่าของเวลา เมื่อท่านแบ่งปันกับคนที่พิเศษสุดในชีวิตของท่าน”

วันเสาร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2552

เพลงเทียน

~!!* เพลง เทียน *!!~

จากวันนั้นเพื่อนขวัญเคยร่วมกันขับขาน..(ขับขาน)

ร่วมจิตใจ..(ร่วมจิตใจ)

สู่วันนี้พี่น้องร่วมฝ่าภัยจากใจ..(จากใจ) ถึงทุกคน..(ถึงทุกคน)

ด้วยความรักเปี่ยมล้นบนเส้นทางสว่างไสว..(สว่างไสว)

ในศรัทธา..(ในศรัทธา)

ร่วมกันสร้างพรุ่งนี้ของประชาที่สดใส..(ที่สดใส)

ให้เป็นจริง..(ให้เป็นจริง)

ชีวิตเธอมีคุณค่า มวลประชาเขารออยู่รอเธอเป็นผู้ก้าวไป..(ก้าวไป)

ดังมวลไม้ที่งอกงาม ยามถึงคราวชูช่อใหม่

ไปเถิดจงไปทั่วแดน..(ทั่วแดน)

อยากให้เธอเป็นเทียนเล่มน้อยที่ส่องแสงสู่หน..(สู่หน)

ทางมืดมน..(ทางมืดมน)

เทียนสว่างไสวอยู่ในใจผู้คนตราบจน..(ตราบจน)

นิรันดร..(นิรันดร)

ฮือ...ฮือ...ฮื้อ...ฮือ...ฮื้อ

ชีวิตเธอมีคุณค่า มวลประชาเขารออยู่รอเธอเป็นผู้ก้าวไป..(ก้าวไป)

ดังมวลไม้ที่งอกงาม ยามถึงคราวชูช่อใหม่

ไปเถิดจงไปทั่วแดน..(ทั่วแดน)

อยากให้เธอเป็นเทียนเล่มน้อยที่ส่องแสงสู่หน..(สู่หน)

ทางมืดมน..(ทางมืดมน)

เทียนสว่างไสวอยู่ในใจผู้คนตราบจน..(ตราบจน)

นิรันดร..(นิรันดร)

เทียนสว่างไสวอยู่ในใจผู้คนตราบจน.. นิรันดร..

วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2552

Diary - ตาสว่าง

เช้าแล้ว...นั่งทำงานตั้งแต่ตี 1 ทำมาเรื่อยๆ นี่ก็เช้าแล้ว ปกติก็เป็นคนนอนดึกอยู่แล้ว แต่นี่ไม่ได้นอนเลยแหละ ก็อยากบอกว่า อรุณสวัสดิ์จ้าเพื่อนๆ^^ แต่ไม่ได้กินกาแฟ ทำไมไม่ง่วงนะ?!? ช่างมันเหอะเพราะว่ากาแฟไม่ดีต่อสุขภาพ เราโดนว่าประจำเลยว่ากินกาแฟ เฮ้ออ อ ตอนนี้ไม่กินแล้วแหละ แต่ก็มีบ้างถ้าไม่ไหวจริงๆ

มาบ่นอีกรอบ (รอบเช้า) บ๊ายบาย

25 วิธีบอกรัก

ดีจ้าเพื่อนๆ นอนไม่หลับเลยหาบทความอ่านเล่นๆ พอดีไปเจอบทความที่เกี่ยวกับการบอกรักในวันวาเลนไทน์ นี่ก็ใกล้วาเลนไทน์แล้วเหมือนกัน(มั้ง) เลยเอามาให้อ่าน เผื่อเพื่อนๆจะใช้ไปบอกรักคนที่ชอบก็ได้นะ ^^

25 วิธีบอกรัก

1. อย่าเขินที่จะบอกรัก

2 จดจำรายละเอียดของเขาหรือเธอ เช่น ชอบทานอะไร ชอบฟังเพลงแนวไหน กิจกรรมสุดโปรด คืออะไร แล้วหยิบยื่นสิ่งเหล่านี้ให้เธอหรือเขา เสมอ ๆ

3. โรแมนติกให้ถูกที่ ถูกเวลา เรื่องโรแมนซ์ ใครจะไม่ชอบ แต่บางทีก็ต้องถูกกาลเทศะด้วย ถ้าขืนกระโดดหอมแก้มแฟนกลางสยาม ใครล่ะจะไม่โกรธ!!! ลองหาสถานที่เหมาะๆ ดีกว่ามั้ย

4. ให้เกียรติกันและกันเสมอ

5. อย่าปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความรัก นึกถึงเรื่องดี ๆ ที่เขาเคยทำให้เรา แล้วจะช่วยให้ความโกรธหรืออารมณ์ชั่ววูบเบาบางลง

6. เมื่อมีปัญหาควรใช้เหตุผลในการพูดคุย ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่คนสองคนต้องมีเรื่องขัดแย้ง แต่ถ้าทั้งคู่พร้อมที่จะปรับตัวเข้าหากัน ปัญหาทั้งหลายจะกลายเป็นเรื่องขี้ผง

7. ปล่อยให้ อีกฝ่าย มีเวลาเป็นของตัวเอง การเกาะติดแจมีแต่จะทำให้ความรักจืดจางได้ง่าย ปล่อยให้เขาไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง หรือพยายามให้ตัวเองมีโลกส่วนตัวบ้างจะได้ไม่อึดอัด

8. พูดกันตรงๆ แต่เลือกใช้คำที่ไม่ทำร้ายจิตใจ

9. มีขอบเขตในการปรับตัว แน่นอนที่ทั้งเราและเขาต่างต้องปรับตัวเข้าหากัน แต่ก็ควรมีลิมิตด้วย ไม่ใช่ยอมเปลี่ยนแปลงให้เป็นแบบที่เขาต้องการทุกอย่าง จนไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่นได้นานหรอก

10. ห้ามโกหก ข้อนี้สำคัญมาก เพราะจะไม่สามารถเชื่อใจกันได้อีก

11. อย่าคาดคั้นหาคำตอบหากอีกฝ่ายยังไม่พร้อม บางครั้งการที่เราดึงดันจะรู้ให้ได้เดี๋ยวนั้นเลยว่าทำไม่? เพราะอะไร ? จะเอายังไง? เป็นการกดดันอีกฝ่ายอย่างไม่มีประโยชน์ หากเราและเขาอยู่ในสถานการณ์ ตึงเครียด ลองถอยออกมา 1 ก้าว ทำใจให้สงบ รอจนกว่าเขาพร้อม แล้วค่อยคุยเรื่องนี้กันใหม่ก็ยังไม่สาย

12. ดูแลตัวเองให้เก๋กู๊ดอยู่เสมอ เขาจะได้ไม่มองคนอื่นไง

13. ไม่ควรคาดหวังกับความรัก บอกแล้วว่าความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกของคนสองคนล้วน ๆ จึงเอาแน่เอานอนไม่ได้ อย่าคาดหวังว่าเขาจะเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ จะทำนั่นทำนี้ให้เรา เพราะถ้าผิดหวังจะเสียใจทั้งสองฝ่าย ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า

14. ห้ามหลุดคำหยาบ ต่อให้ทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหนก็ไม่ควรด่าทอกันเสีย ๆ หาย ๆ มีแต่จะทำให้เข้าหน้ากันไม่ติด

15. ซื่อสัตย์และไว้ใจกัน สองอย่างนี้จะทำให้คุณสองคน เป็นคู่ที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก

16. หาสิ่งของที่ต้องดูแลร่วมกัน เช่น สัตว์เลี้ยง หรือ ต้นไม้ หรือกิจการเล็กๆ น่ารัก ๆ เพื่อสร้างความผูกพันระหว่างคนสองคน

17. ให้โอกาสอีกฝ่ายในการแก้ไขข้อผิดพลาด ทีคนอื่นเรายังให้อภัยเขาได้ และกับคนที่เรารัก เรายิ่งต้องให้อภัยและให้โอกาสเขา แต่ควรระวัง ไม่ว่าใครก็ตาม เราไม่ควรให้โอกาสเขาเกิน 3 ครั้ง

18. อย่าอายที่จะขอโทษ

19. หากิจกรรมที่สร้างสรรค์ทำร่วมกันบ้าง เช่น ชวนกันเล่นแบดมินตัน ไปดูงานศิลปะ ด้วยกันบ่อยๆ นอกจากความรักจะสดใสแล้ว เรายังได้เจออะไรใหม่ๆ ในชีวิตอีกด้วย

20. นึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายเสมอ อย่ามัวแต่คิดว่าทำไมเขาไม่เข้าใจเรา ??? มันไม่มีประโยชน์แถมยังทำให้เราขี้น้อยใจอย่างไม่มีเหตุผล

21. รู้สึกดีกับสังคมของเรา ทั้งพ่อแม่และพี่น้อง เพื่อน และคนรักเก่า รู้หรอกน่าว่ามันทำใจยาก (โดยเฉพาะรายหลังสุด) แต่ถ้าทำได้ มันจะยกระดับจิตใจของคุณให้สูงส่ง ทำให้คุณภูมิใจในตัวเอง และเขาก็จะ รักคุณเพิ่มขึ้นมากๆๆ

22. อย่าปิดกั้นโอกาส ลองเปิดตัวเองให้รู้จักคนใหม่ๆ ไม่ได้แนะนำให้หลายใจนะจ๊ะ แต่การได้รู้จักคนเยอะๆ จะทำให้เรารู้ค่าคนใกล้ตัวและรู้ใจตัวเองมากขึ้น

23. รู้จักที่จะใช้ภาษากาย ไม่ใช่ภาษาใบ้นะจ๊ะ แต่เป็นการสัมผัสร่างกายของอีกฝ่าย เช่น จับมือ ลูบหลัง ใครๆ ก็บอกว่ามันสามารถสื่อความในใจของเราได้ดีกว่าคำพูดหลายเท่าเชียว

24. คิดถึงอนาคต แต่อย่าพูดบ่อย เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราผูกมัดแล้ว พาลหงุดหงิดใส่เพียงแค่รู้ว่าเราต่อไปเราอยากใช้ชีวิตแบบไหน แล้วพูดถึงมันในจังหวะเหมาะ ๆ แค่ครั้งเดียวก็พอ เพื่อทำให้เขารู้ว่าตัวคุณก็มี Plan ชีวิตเขาจะมาเล่น ๆ ไม่ได้

25. รักตัวเองให้มากๆ เพราะถ้าคุณไม่รักตัวคุณเองแล้วคุณจะไปรักใครที่ไหนได้เล่า

แหล่งที่มา: Artsmen
http://variety.teenee.com/foodforbrain/528.html

ฟังเทศน์

สวัสดีจ้าเพื่อนๆ

วันนี้ไปฟังเทศน์มา เอาบุญมาฝากจ้า ฟังเทศน์มหาชาติ มหาเวสสันดรทั้งหมด 13 กัณฑ์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที (ถ้าเป็นขนาดยาวต้องใช้เวลากัณฑ์ละ 2 ชั่วโมงเลยทีเดียวเชียวนะ รับรองว่าหลับแน่ๆ ^^)แต่ละกัณฑ์ก็จะมีอานิสงส์ที่แตกต่างกันไป หากบูชากัณฑืไหนก็จะได้ผลบุญของกัณฑ์นั้นๆ ห้องเราบูชากัณฑ์ที่ 2 กัณฑ์หิมพานต์ การฟังเทศน์ครั้งนี้เป็นการเทศน์ที่ไม่น่าเบื่อเลยจริงนะ แถมยังสนุกมากอีกด้วยแหละ
ถ้าเพื่อนๆมีโอกาสก็ขอเชิญชวนให้ลองฟังเทศน์กัน เพราะการฟังเทศน์จะช่วยให้เรามีสติ ได้รับความรู้ คุณธรรมและประโยชน์อีกหลายอย่างเลยทีเดียว

ต่อจากการฟังเทศน์เราก็ได้ไปช่วยงานห้องพยาบาล ไปนั่งปั้นสำลี(เราชอบปั้นสำลีม๊ากมาก><")นึ่งสำลีด้วย เหอะๆ^^ แล้วก็ได้ระบายความในใจทุกอย่างที่เก็บไว้มานานกับเพื่อนของเรา รู้สึกสบายใจจังเลย และที่สำคัญก่อนกับบ้าน ป๊าของโมเลี้ยง swensens ด้วย อร่อยมากๆ(ของฟรี!!!) และที่ขาดไม่ได้ พอกินเสร็จพวกเราก่อนเริ่มปฏิบัติการพันก้านเชอร์รี่ โอ๊ะOoO" โฮะๆๆๆ รู้ใช่เปล่าว่ามันหมายถึงอะไรอ่ะ กลับมาบ้านเรายังพันไม่ได้เลย แหะๆ>.<" (นั่งพันก้านเชอร์รี่มาตลอดทางเลย แหะๆ)สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ หมั่นไส้เลยใช้มือจับพันเองซะเลย เท่านี้ก็จบ!!! พันได้สวยงามกว่าอีก เนอะๆ

วันนี้มาบ่นๆให้ฟังอีกแล้ว แหะๆ ไปทำงานก่อนนะ บ๊ายบาย

วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552

วันวาเลนไทน์ (Valentine)

ว้าว ว OoO" 14 กุมภาวันวาเลนไทน์ (วันคล้ายวันเกิดพี่ชายเราด้วย) ก่อนอื่นต้อง HaPPY Birth Day HBD. พี่ชายล่วงหน้าก่อนเลยย ย มีความสุขมากๆนะคะ

ต่อมาเรามาพูดถึงความสำคัญของวันวาเลนไทน์กันดีกว่าค่ะ ใครมีความรักแล้วบ้างยกมือขึ้น เราขอยกมือขึ้นคนแรกเลยย ย!!^^ ก็รักคุณพ่อ คุณแม่ คุณพี่ชายไง อิอิ ให้รักใครล่ะ เนอะๆ ไม่มีใครรักเราเท่าพ่อแม่หรอกค่ะ วันนี้เรามีประวัติความเป็นมาของวันวาเลนไทน์และความหมายของสีดอกกุหลาบมาฝากกันด้วยนะ ลองอ่างดูนะ

วันวาเลนไทน์ (Valentine)
เรื่อง “วันวาเลนไทน์” (Valentine) คือวันที่ระลึกถึง นักบุญวาเลนไทน์ (Saint Valentine) ผู้เปี่ยมไปด้วยความรักและความปรารถนาดี ต่อเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริงแต่เขาต้องจบชีวิตลงด้วยการรับโทษประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หรือเมื่อประมาณ 1,734 ปีล่วงเลยมาแล้วในจักรวรรดิโรมัน ประวัติความเป็นมาของเรื่องนี้ เกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 3 มีผู้นำคริสตชนคนหนึ่งชื่อ “วาเลนตินัส” เขาเป็นคนที่มีความรักและความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์มาก โดยทุกๆ วันเขาจะแอบนำอาหารและของใช้ที่จำเป็นไปวางไว้ประตูหน้าบ้านของคนยากจนโดยไม่ให้คนเหล่านั้นรู้ ซึ่งในสมัยนั้น ศาสนาคริสต์ยังไม่เป็นที่ยอมรับในจักรวรรดิโรมัน และถือว่าใครที่นับถือศาสนาคริสต์จะมีความผิดร้ายแรงมาก พวกคริสตนชนจึงถูกข่มเหงและทารุณกรรมอย่างหนักเพื่อบังคับให้เลิกเป็นคริสต์ ใครที่ไม่ยอมเลิกนับถือคริสต์จะถูกทรมานและฆ่าทิ้ง “วาเลนตินัส” ก็รวมอยู่ในกลุ่มขบวนการถูกขู่เข็ญและทรมานบังคับให้เลิกนับถือศาสนาคริสต์ แต่เขาไม่ยอมจึงถูกจับเข้าคุกในข้อหาเป็นคริสตชน ในขณะที่วาเลนตินัสถูกจับขังคุกนั้น เขาได้พบรักกับสาวตาบอดซึ่งเธอเป็นลูกสาวของผู้คุมในนั้นและด้วยความรักและคำอธิษฐานของเขาพระเจ้าได้ทรงโปรดรักษาตาของคนรักของเขาให้หายเป็นปกติ จากเหตุการณ์นี้เองจึงทำให้ผู้คุมและครอบครัวของเขาหันมานับเชื่อพระเจ้าของชาวคริสต์ ต่อมาเรื่องนี้รู้ถึงจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ของโรม พระองค์ทรงกริ้วมาก ได้สั่งให้ลงโทษวาเลนตินัสอย่างหนักด้วยการโบยและนำไปประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ ในคืนสุดท้ายก่อนที่เขาจะถูกนำไปประหารนั้น วาเลนตินัส ได้เขียนจดหมายสั้นๆ เป็นการอำลาส่งไปให้เพื่อนหญิงคนรักของเขา และลงท้ายในจดหมายว่า “จากวาเลนไทน์ของเธอ” รุ่งขึ้นของเช้าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 วาเลนตินัสก็ถูกนำไปตัดศีรษะและเอาศพไปฝังไว้ที่เฟลมิเนี่ยนเวย์ ซึ่งภายหลังมีการสร้างโบสถ์หลังใหญ่คร่อมสุสานของเขาไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงชีวิตและความรักอันยิ่งใหญ่ของเขา คนทั่วประทับใจกับความรักของเขาจึงยึดถือเอาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น “วันวาเลนไทน์” ภาษาอังกฤษเรียกว่า Saint Valentine’s Day หรือ Valentine ‘s Day หรือ “วันแห่งความรัก” ซึ่งต่อมาได้นิยมแพร่หลายไปทั่วยุโรปและอเมริกา และเข้ามาในทวีปเอเชีย และประเทศไทยด้วย

แล้วทำไมวันวาเลนไทน์ต้องให้ดอกกุหลาบด้วย ?????
เพราะว่ากุหลาบมีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้วล่ะ จึงทำให้ความสวยงามของดอกและกลิ่นอันชวนพิสมัยของราชินีแห่งดอกไม้นี้เป็นที่เลื่องลือมาช้านาน และล้วนกล่าวถึงความงามเป็นสื่อที่แสดงถึงความสุข ความมีไมตรีจิต ความน่ารัก ความสวยงาม การบูชา และการเกี้ยวพาราสี ดังนั้น กุหลาบจึงเป็นเสมือนตัวแทนแห่งความรัก และความอมตะ จนมีตำนานกล่าวขานกันต่างๆ นานา ตั้งแต่สมัยกรีก ตำนานเล่าว่า “คลอรีส” เทพธิดาแห่งดอกไม้ได้บันดาลให้ร่างของนางไม้กลายเป็นกุหลาบและยกให้เป็นราชินีของดอกไม้ จากนั้นต่อมาก็มีการมอบดอกกุหลาบแก่ “อีรอส” ลูกชาย ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก ส่วนในศาสนาคริสต์เชื่อกันว่า ในสมัยที่พระเยซูถูกตรึงไว้ไม้กางเขนอยู่นั้น พระโลหิตได้ไหลหยดลงบนต้นหญ้ามอสส์และได้ยังเกิดเป็นต้นกุหลาบที่มีดอกสีแดงสด จึงมีการเรียกขานกุหลาบชนิดนี้ว่า “กุหลาบมอสส์” นอกจากนี้ยังมีการสู้รบกันระหว่าง 2 ตระกูลใหญ่ คือราชวงศ์ยอร์ค ซึ่งใช้สัญลักษณ์เป็นดอกกุหลาบ และราชวงศ์แลงแคสเตอร์ ใช้ดอกกุหลาบแดงเป็นสัญลักษณ์และได้เรียกสงครามครั้งนี้ว่า “สงครามกุหลาบ” ซึ่งเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 1948-2028 และในสมัยต่อมา พวกกุหลาบแดงได้มาแต่งงานกับพวกกุหลาบขาว ซึ่งในปัจจุบันกุหลาบได้ถือเป็นดอกไม้ประจำชาติของชาวอังกฤษไป ถ้าทุกคนมีความรักให้แก่กันแล้วโลกจะสงบสุขแน่นอน

รูปร่างและสีสันของดอกกุหลาบ…แปลความหมายได้ดังนี้
ดอกกุหลาบนั้นทั้งลักษณะและสีสันของมันสามารถสื่อความหมายถึงคนที่เรามอบให้ได้ว่าอย่างไรที่เราทุกคนเรียกมันว่า “ภาษาดอกไม้” มาดูกันเลยว่าดอกกุหลาบแต่ละแบบ แต่ละสีสื่อความหมายไว้ว่าอย่างไรกันบ้าง

กุหลาบแดง หมายถึง ความรักและความปรารถนา เป็นดอกไม้ของคิวปิคและอีรอส (คุณกามเทพไง) เป็นสิ่งนำโชคมาสู่ผู้หญิงที่ได้รับ

กุหลาบขาว หมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ ความเงียบสงบ และนำโชคมาสู่ผู้หญิงที่ได้รับเช่นเดียวกับดอก กุหลาบแดง

กุหลาบสีชมพู หมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์ที่สุด

กุหลาบสีเหลืองหรือสีส้ม หมายถึง ความรักร้อนแรงและยาวนาน ไม่จืดจาง หวานชื่น และมีความสุข

กุหลาบตูม หมายถึง ความรักและความเยาว์วัย

กุหลาบบาน หมายถึง ความรักที่กำลังเบ่งบาน ความอ่อนหวาน สดชื่น

เป็นอย่างไรบ้าง หวังว่าคุณคงหายสงสัยแล้วว่าทำไมวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปีจึงเป็นวันวาเลนไทน์ และทำไมต้องให้ดอกกุหลาบในวันนั้น


ประเพณีของหนุ่มสาวชาวอาทิตย์อุทัย หรือชาวญี่ปุ่นนั่นเองจะแตกต่างกับ ชาติอื่นๆ คือในวันที่ 14 กุมภาพันธ์หรือ วันวาเลนไทน์ สาวๆ จะเป็นคนให้ ช็อกโกเลต (Chocolate) รูปหัวใจขนาดเล็ก-ใหญ่แล้วแต่ความชอบน้อย-มาก ( ฐานะด้วย ) ตัวเองทำเองแก่หนุ่มๆ ที่เธอชอบเรียกว่าวันนั้นหนุ่มๆ ยิ้มกันแก้มปริกันเป็นแถว หลังจากวันนั้นอีกหนึ่งเดือนคือวันที่ 14 มีนาคมหนุ่มๆ ก็จะมอบดอกกุหลาบ เพื่อเป็นการขอบคุณสาวผู้ให้
สำหรับประเพณีเกาหลี วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หนุ่มจะเป็นคนให้ช็อกโกเลต รูปหัวใจให้สาวที่ตัวเองรัก ....หลังจากนั้น 14 มีนาคม หากสาวรักหนุ่มคนนั้น เธอก็จะส่ง ช็อกโกแลต ขาวเพื่อสื่อรัก กับหนุ่มคนนั้น
แล้วคุณล่ะ ปฏิบัติอย่างไร กับคนรักของคุณ


ขอฝากทุกคนดูแลตัวเองใจช่วงวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรักด้วยนะคะ อย่าให้ใครมาทำให้เราเสีย...ใจได้หละ

ที่มา
http://www.geocities.com/thirayost2/web_biblestory/valentine.html

วันครู

สวัสดีเพื่อนๆทุกคนจ้า วันที่ 16 มกราคม เราถือว่าเป็นวันที่พวกเราทุกคนจะระลึกนึกถึงพระคุณของคุณครูทุกคนที่คอยอบรมสั่งสอนเรามา ให้เราเป็นผู้ที่มีวิชาความรู้และเป็นคนดีของสังคมและทุกคน วันนี้เรามีประวัติความเป็นมาของวันครูมาฝากกันจ้ะ

ประวัติความเป็นมาของการจัดงานวันครู

ในปี พ.ศ. 2499 จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวปราศัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศ ถึงความคิดที่จะกำหนดให้มีวันครู และเป็นการสอดคล้องกับความคิดเห็นของครูทั่วไป
ดังนั้น ในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 คณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดให้ วันที่ 16 มกราคมของทุกปีเป็น "วันครู" โดยถือเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2488 เป็นวันครู
วันครูได้จัดให้มีในครั้งแรก เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาในปี พ.ศ. 2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการ เรียกว่า "คุรุสภา" เป็นนิติบุคคล ให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครู ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษาและวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษาธิการ ควบคุมจรรยาและวินัยของครู รักษาผลประโยชน์ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครูและครอบครัวได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู
ในทุก ๆ ปี คุรุสภาได้ให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา และซักถามข้อข้องใจต่าง ๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภา โดยมีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัย


ความหมายของดอกไม้ต่างๆ ที่นิยมใช้ในการไหว้ครู

ดอกมะเขือ เป็นดอกที่โน้มต่ำลงมาเสมอ ไม่ได้เป็นดอกที่ชูขึ้น คนโบราณจึงกำหนดให้เป็นดอกไม้สำหรับไหว้ครู ไม่ว่าจะเป็นครูดนตรี ครูมวย ครูสอนหนังสือ ก็ให้ใช้ดอกมะเขือนี้เพื่อศิษย์จะได้อ่อนน้อมถ่อมตนพร้อมที่จะเรียนวิชาความรู้ต่างๆ นอกจากนี้มะเขือยังมีเมล็ดมาก ไปงอกงามได้ง่ายในทุกที่ เช่นเดียวกับหญ้าแพรก


หญ้าแพรก เป็นหญ้าที่เจริญงอกงาม แพร่กระจายพันธ์ ไปได้อย่างรวดเร็วมาก หญ้าแพรกดอกมะเขือจึงมีความหมายซ่อนเร้นอยู่ คนโบราณจึงถือเอาเป็นเคล็ดว่า ถ้าใช้หญ้าแพรกดอกมะเขือไหว้ครูแล้ว สติปัญญาของเด็กจะเจริญงอกงามเหมือนหญ้าแพรกและ ดอกมะเขือนั่นเอง

ดอกเข็ม เพราะดอกเข็มนั้นมีปลายแหลม สติปัญญาจะได้แหลมคมเหมือนดอกเข็ม และก็อาจเป็นได้ว่า เกสรดอกเข็มมีรสหวาน การใช้ดอกเข็มไหว้ครู วิชาความรู้จะให้ประโยชน์กับชีวิต ทำให้ชีวิตมีความสดชื่นเหมือนรสหวานของดอกเข็ม


อย่าลืมกราบคุณครูเพื่อแสดงความกตัญญูต่อคุณครูนะคะ อ่อ!!! ถ้าจะให้ดี เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ไม่คุยในห้องเรียน เราคิดว่าเพียงเท่านี้คุณครูก็ดีใจมากแล้วล่ะคะ

ที่มา
http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/samutsongkhram/nittaya_a/day/s3p7.htm

วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552

Diary - ไม่หลับไม่นอน[ทำอะไร!?!]

ดีจ้า...เพื่อนๆทุกคน

วันนี้นั่งทำงานเพลิน เลยไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน หิวขึ้นมาซะงั้นแหละ แหะๆ^^ มีมันฝรั่งทอดอยู่ แต่ไม่อยากกิน เพราะกลัวอ้วน อ้วนแล้วลงแก้ม!!! โอ๊ะๆๆ>o<" เพื่อนชอบบอกว่าแก้มเป่งจนจะแตกอยู่แล้ว 555+ นั่นดิ มันเป่งมากแล้วนะเนี่ย

เหอะๆ วันนี้เกือบโดนตัดผมแล้ว OoO"

ก็วันนี้คาบประชุมระดับนั้นแหละ ครูตรวจผม โอ้วว ว [พระบิดา พระบุตร และพระจิต (..อาเมน..) ช่วยลูกด้วย] ครูภัทรจะจับตัดผม แต่เพื่อนเขาก็บอกว่าไม่น่าจะโดน เพราะว่าผมมันแค่บิน ใช่แล้ว!!! มันแค่บินเท่านั้นเอง ครูภัทรท่านช่างใจดีและเห็นด้วยกับเพื่อนๆ เราเลยรอดตัวไป

ป.ล. อย่าจากฉันไปไหนเลยนะจ๊ะ "ผม" จ๋า T^T

วันนี้มานั่งบ่นๆให้อ่าน ก็ขอโทษด้วยละกันนะคะ แหะๆ^^

บ๊ายบาย ฝันหวานทุกคนนะคะ อิอิ

วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552

Happy New Year

Happy New Year!!!
มีความสุขมากๆนะคะ คิดสิ่งได้ก็ขอให้สมปราถนาทุกอย่างเลย
ปีใหม่นี้ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตนะ

เมื่อคืนอยู่ countdown ด้วย ตื่นเต้นมากๆ เพราะอีกแค่ไม่กี่วินาทีก็ขึ้นปี 2009 แล้ว และที่พิเศษสุดๆก็คือ ... เหอะๆ ><" บอกไม่ได้ เพราะมันพิเศษกว่าทุกปีมากๆ เอาเป็นว่า HaPPy มากมายอ่ะคะ

แต่ปีใหม่นี้ งานเยอะจัง เฮ้ออ อ!!! น่าอิจฉาเพื่อนๆจังที่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด อยากไปเชียงใหม่จังเลย!!
แต่ว่าที่บ้านของเราก็จังงานปีใหม่เหมือนกันนะ วันที่ 3 มกราคมที่จะถึงนี้แหละ ได้เจอพี่ๆน้องๆที่ไม่ได้เจอกันมาน๊านน นาน อิอิ ^^

ยิ้มรับปีใหม่ให้สนุกนะคะ ที่สำคัญ เมาไม่ขับนะ!!!