WelcoMe To ->Bei!zZ<- WonDerLand Cute Pixel Graphics from Freeglitters.com
Myspace Comments

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2551

Science Camp 2008

ดีจ้า..เพื่อนๆที่น่ารักทุกคน
เป็นการเข้าค่ายวิทยาศาสตร์ของนักเรียนห้องโครงการวิทยาศาสตร์และห้องเรียนวิทยาศาสตร์พิเศษโดยเข้าค่าย 3 วัน 2 คืน ด้วยกัน ตั้งแต่วันที่27-29 กันยายน 2551 ซึ่งในวันแรกก็ได้มีกิจกรรมเข้าฐาน
ฐานที่ 1 คือ ฐาน FILA เพื่อนสงสัยมั้ยค่ะว่า FILA คืออะไร จากการที่เราได้เรียนรู้เรื่องกระบวนการ FILA แล้ว ก็สรุปความได้ว่า FILA เป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทีจะเป็นตัวช่วยในการคิด วิเคราะห์ สิ่งที่เป็นปัญหาที่เราสงสัย เพื่อนำไปสู่การทำโครงงาน
F : Fact คือ ข้อเท็จจริงหรือความจริงที่เราได้มาจากการสังเกต
I : Ideas คือ สมมติฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นแนวทางที่ใช้นำไปสู่การทดลอง
L : Learning issues คือ สิ่งที่เราต้องศึกษาเพิ่มเติม
A : Action Plan คือ แนวทางการค้นคว้า
ฐานที่ 2 จะเป็นฐานที่เกี่ยวกับการสำรวจสภาพแวดล้อมบริเวณโรงเรียน โดยใช้กระบวนการ FILA เป็นตัวช่วยในการหาปัญหาและนำไปสู่แนวทางการแก้ไข
ฐานที่ 3 เป็นการประดิษฐ์เครื่องบิน โดยเราได้ประดิษฐ์เครื่องบินขึ้นมาด้วยกัน 3 ลำด้วยกัน สำหรับลำแรก เป็นเครื่องบินกระดาษที่ตัดตามแบบ 2 มิติ แต่ประกอบเป็นแบบ 3 มิติ
ลำที่ 2 เป็นเครื่องบินที่ทำจากโฟม โดยคุณครูจะมีโฟมให้เราเพียงแผ่นเดียว และให้ประดิษฐ์เครื่องบินตามจินตนาการขึ้นมาให้ได้หนึ่งลำ ซึ่งมีข้อแม้ว่า เครื่องบินที่ปรพดิษฐ์ขึ้นมานั้น ต้องสามารถบินอยู่ในอากาศได้นานที่สุด สำหรับเครื่องบินลำนี้กลุ่มของเราภูมิใจมากที่สุด เพราะว่า มันสามารถลอยตัวอยู่บนอากาศได้จริงๆค่ะ รูปแบบเครื่องบินก็เท่ระเบิด จริงๆนะคะ^^
ลำสุดท้าย เป็นเครื่องบินที่ประดิษฐ์มาจากหลอดและกระดาษ แต่มีข้อบังคับว่า เมื่อประดิษฐ์เครื่องบินลำนี้ขึ้นมาแล้ว ต้องสามารถลอยในอากาศได้ระยะทาง 5 เมตร และเลี้ยวขวาได้ซึ่งกลุ่มของเราทำให้เจ้าเครื่องนี้ลำนี้เลี้ยวขวาไม่ได้ พูดง่ายๆก็คือ มันยังบินไม่ได้นั้นเอง-*-
วันที่ 2 พวกเราได้เดินทางไปโรงเรียนบางตะบูนค่ะ
ภาคเช้า : กลุ่มของข้าพเจ้าได้เดินทางไปบ้านลุงไสย เพื่อไปศึกษาวิธีการเผาถ่านจากไม้โกงกางที่มีคุณภาพสูงในการให้พลังงานความร้อนและผลพลอยได้จากการเผาถ่าน ก็คือ นำส้มควันไม้ซึ่งนำมาใช้ในการฆ่าแมลง อยากจะบอกว่าไม้ที่นำไปเรียงในเตานั้นมากมายจริงๆค่ะ ทุกคนตกตลึงกันทุกคนเลย
วิธีการเผาไม้โกงกางนั้น อันดับแรก : ไม้โกงกางที่นำมาเผานั้นต้องมีอายุ 8-10 ปี โดยจะนำมาลอกเปลือกไม้ออกและตัดให้ยาวประมาณ 140 cm
ขั้นที่ 2 : นำไม้โกงกางที่ตัดแล้วไปเรียงในเตาเผาความจุประมาณ 30 ลูกบาศก์เซนติเมตร
ขั้นที่ 3 : เผาไม้ประมาณ 10 -15 วัน โดยใช้เชื้อเพลิงที่ได้จากกิ่ง ราก ของต้นโกงกางมาสุ่มไว้นอกเตา โดยไม้โกงกางจะไม่สัมผัสกับไฟแต่จะเป็นความร้อนที่ได้จากไฟแผ่เข้าไปในเตาแทนค่ะ
หลังจากนั้นเราได้เดินทางต่อไปขึ้นเรือที่วัดปากอ่าวเพื่อไปศึกษาระบบนิเวศบริเวณปากแม่น้ำค่ะ อาชีพส่วนใหญ่ในบริเวณนี้ก็จะเป็นการเลี้ยงหอยแมลงภู่และหอยนางรมค่ะ


ภาคบ่าย :พวกเราได้นั่งฟังบรรยายเกี่ยวกับป่าชายเลน และการศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลนค่ะ ได้ความรู้มากมายเกี่ยวกับการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตบริเวณป่าชายเลน และยังได้ลงสำรวจพื้นที่บริเวณป่าชายเลนอีกด้วยค่ะ
หลังจากนั้นเมื่อกลับมาถึงโรงเรียน พวกเราต้องนำเสนอเค้าโครงงานโดยใช้กระบวนการขอ FILAเป็นตัวช่วยอีกเช่นเคยค่ะ
เราคิดว่าวันนี้(28/09/2008)เป็นวันที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะพวกเราได้พบกับ ผอ. นคร ตังคะพิภพ และวันนี้ยังเป็นวันคล้ายวันเกิดของท่านอีกด้วย ท่านได้มาให้ความรู้เกี่ยวกับ บ้านสิรินธร ซึ่งเป็นบ้านที่พวกเราซึ่งศึกษาเกี่ยวกับการวิจัยจะเข้ามาอยู่ ณ บ้านหลังนี้ ท่านได้บอกเอาไว้อีกด้วยว่า "พวกเราจะได้เข้าไปอยู่ในบ้านหลังนี้" นี้เป็นคำกล่าวที่เราฟังแล้วมีกำลังใจในการเรียนสายวิทย์อีกเยอะเลยหลังจากนั้น เราก็ได้พบกับ Dr.ดำรงค์ ที่มาให้ความรู้เกี่ยวกับการทำโครงงาน กลุ่มของเราได้ออกไปนำเสนอโครงงานเรื่อง เพรียงมีผลต่อการเกาะของหอยแมลงภู่หรือไม่(อะไรประมาณนี่แหละ เพราะเราก็ยังตั้งชื่อโครงงานไม่ออก) คุณครูบอกว่าเป็นโครงงานที่น่าสนใจ ให้ลองทำดู ซึ่งกลุ่มของเราก็คิดว่าจะทำในช่วงปิดภาคเรียนนี่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำสำเร๊จรึป่าว ต้องทำสำเร็จซิเน้อๆๆๆๆ
ภาพประทับใจ :


วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551

หางสุนัขบอกอะไรคุณ

สำหรับคนที่ชอบเลี้ยงสุนัขแบบเรา วันนี้เรามีการส่ายหางของสุนัขมาฝากค่ะ เพราะเราควรศึกษาสิ่งที่สุนัขจะพยายามสื่อให้เราทราบไว้ด้วยคะ เผื่อจะช่วยอะไรมันได้บ้าง^^"(เกี่ยวกันรึเปล่าเนี่ย!!)

กระดิกไปมา...แสดงว่า ดีใจ,ร่าเริง,มีความสุข,ยิ้ม
สะบัดแรงจนก้นส่าย...แสดงว่า ดีใจ(กว่า),ร่าเริง(กว่า),ตื่นเต้น,คึก
หมุนควงสว่าน...แสดงว่า ดีใจเวอร์,หรือไม่ก็งง ประมาณว่า นี้เราดีใจเรื่องอะไร
หางตก...แสดงว่า กลัว,จ๋อย,หงอย,เศร้า,แห้ว,สูญเสียความมั่นใน ฯลฯ
ฟูเป็นหางกระรอกตั้งชี้...แสดงว่า ตกใจ,ตื่นกลัว,พยายาม Bluff คู่ต่อสู้
ส่ายช่าๆหรือแกว่งขนานกับพื้น...แสดงว่า Happy,อารมณ์ดี,หรือไม่ก็ปิ๊ง "รัก"

อ่านแล้วก็อย่าลืมให้อาหารและความรักแก่สุนัขบ้างนะคะ!!!

ที่มา : ฺBOY THE CLASSIC

วิธีกินข้าว...ให้อร่อย

  1. หิว (ต้องให้หิวก่อน ถ้าไม้่หิวอย่ากิน เพราะต่อให้เป็นอาหารที่โปรดปรานมันก็จะไม่อร่อยเท่าที่ควร)
  2. ตักข้าวใส่จานพอประมาณ กะว่าพอกินหมด
  3. ตักข้าวใส่ปาก...ยัง!!ไม่มีทางอร่อยได้ถ้าไม่มีกับข้าว..ตักกับข้าวที่โปรดก่อน..ถ้าไม่มีให้นึกถึงเมนูจานโปรด เป็นเนื้อจะอร่อยกว่าน้ำ
  4. ใช้ช้อน เลือกตามขนาดให้พอดีกับปากและความมัน...ตักทั้งข้าวและกับขึ้นมา เอาเข้าปากอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  5. อย่าอมนาน แต่ให้เคี้ยวนานๆ เพื่อดื่มด่ำรสชาติของอาหารได้เต็มที่ ระวัง! พาหนะนำทางใหญ่เกินไป(ช้อน)จะทิ้มเหงือกเอาได้ แล้วจะหมดสนุก
  6. หากสุขภาพฟันไม่ดี ควรหลีกเลี่ยงทิศทางนั้น หากเป็นทั้งปาก แนะนำให้หยอดน้ำข้าวต้มดีกว่า
  7. กลืน หากเคี้ยวแล้วคาย หรืออมไม่เคี้ยว ถือว่าไม่อร่อย

ข้อเสนอแนะ : จะสุขสุดๆ หากคนตักกับข้าวกับคนเคี้ยวเป็นคนละคนกัน โดยเฉพาะคนที่รักกัน แม่ป้อนลูกเคี้ยว หรือเธอป้อนเราเคี้ยว กินได้ตลอดเวลา ต่อให้เป็นข้าวเปล่าก็อร่อย ไม่เชื่อลองดู!! หากโดนว่าว่า"มีมือก็กินเองสิ"..หาคนคุ้นเคยมาร่วมวงด้วย ที่ไม่ใช่คนที่พูด ข้าวจะอร่อยขึ้น.. กินคนเดียวมันอร่อยไม่เต็มที่ กินกับคนแปลกหน้าไม่กล้ากิน!!

Trickนี้ เอามาให้อ่านขำๆนะคะ 555+ ไม่ต้องคิดมาก^w^"

คำคม โดน!!!

"รัก" ก็แค่คำว่า "รัก" คนที่ไม่มีความสุขในความรัก นั่นเพราะเขาช่างสรรหาคำอื่นๆมาต่อท้ายอีกเป็นขบวน

"คนในปัจจุบัน อยู่กับตนเอง
อยู่กับคอมพิวเตอร์ มากกว่าอยู่กับสังคม
รู้จักคมพิวเตอร์ รู้จักสังคน
แต่ไม่รู้จักตัวเอง!!!"

"เทคโยโลยีของสรรพสิ่งบนโลก
ถูกพัฒนาขึ้นโดยมนุษย์...
แต่กับชีวิตและจิตใจตัวเอง
มนุษย์เลือกที่จะถดถอย..."

"เราจะไม่มีวันค้นพบสิ่งที่เราค้นหามาตลอดชีวิตได้
หากห้องบางห้องใจหัวใจตัวเอง...เรายังค้นไม่เจอ"

"ความเป็นคนสมบูรณ์แบบ
คือการพบเจออารมณ์ที่หลากหลายของตนเอง
และสามารถควบคุมมันได้ภายใต้เหตุผลที่ควรจะเป็น"

"บางคนบอกว่า เราเลือกทางเดินให้กับชีวิตเราเองไม่ได้
..แต่เราเลือกที่จะสนุกกับเส้นทางที่เราจะเดินได้..
เพียงแค่เราได้เหลือบมองสองข้างทางบ้าง"

ที่มา : BOY THE CLASSIC สำนักพิมพ์ใยไหม

วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

โครงการอบรมกฎหมายคุ้มครองแก่สิทธิผู้บริโภคและประชาชน

ดีจ้าเพื่อนๆ
วันนี้ในภาคเช้า เวลา8.00น.-12.00น. เราได้เป็นตัวแทนเข้าอบรมกฎหมายคุ้มครองสิทธิแก่ผู้บริโภคและประชาชน โดยมีคณะอัยการมาให้ความรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองกฎหมายของผู้บริโภค
ช่วงแรกๆของการอบรม นักเรียนทุกคนก็ยังสนุกกับการฟังบรรยายดีค่ะ แต่พอซัก 1 ชั่วโมง ผ่านไป เริ่มง่วงกันทุกคนเลยค่ะ เราทั่งตัวของเราด้วย
แต่ช่วงที่สองของการอบรม ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ได้มาป็นเกียรติบรรยายในหัวข้อหน้าที่ของผู้ว่าฯ
ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้ให้คำแนะนำเรื่อง
"ถ้าท่านอยากมีความสุข"
3 ชั่วโมง - ดื่ม กิน อาหารอร่อย
3 วัน - ใส่เสื้อใหม่
3 อาทิตย์ - ไปเที่ยว ทัศนาจรในที่ๆเราชอบ
3 เดือน - มีกิ๊ก
3 ปี - มีภรรยาใหม่
ตลอดชีวิต - ปลูกต้นไม้
เพื่อนๆงงไหมค่ะว่าทำไมเราต้องปลูกต้นไม้ ท่านผู้ว่าฯบอกว่า
"เพราะต้นไม้มีแต่ให้"
เราต้นไม้ให้กิ่งใบ แก่คนเขา
ให้ร่มเงาเยือกเย็น เป็นกุศล
ให้ดอกสวยรวยรื่น ชื่นกมล
ท่านเป็นคนท่านให้ อะไรเรา
และแน่นอนค่ะว่า จบการนำเสนอโดยภาพที่ท่านผู้ว่าฯปีนต้นตาล ขอบคุณค่ะ!!!

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551

The Netherlands

I want to go to the Netherlands in the springtime. Windmills are a symbol of the Netherlands because someone says,"God created the world but the Dutch created the Netherlands".
The Dutch natives used windmills to pump water out of areas below sea level. The windmills were later used to drain lakes.

Some seasons we can see the sun all the time, so we call the Netherlands the land of midnight sun.

In the spring we can see tulips. They have many colours and they are beautiful. We can enjoy garden and colorful flower events throughout Netherlands eny time of the year. Wow! How wonderful they are!

The Netherlands has development of techonolody and communication and also has many well-known painters such as Rembrant and Vincentvan Gogh.

The Netherlands is a safe place because the police will work all the time.

If I get a tricket go to the Netherlands. I will send photos to you!!!^^

วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551

ทายนิสัยจากการอ่านหนังสือ

ใกล้สอบแล้วเพื่อนๆคงอ่านหนังสือกันอย่างหนักเลยหละสิ แต่พอสอบเสร็จมีเวลาว่างเยอะลองหยิบหนังสือซึกเล่มขึ้นมาอ่านกันสิค่ะ
คำทำนายเกี่ยวกับการอ่านหนังสือมาฝากกัน พอเปิดเทอมปุ๊บก็จะได้นำข้อมูลนี้ไปทำนายเลยว่า คนรอบข้างมีนิสัยเป็นอย่างไรบ้าง
สมมุติว่าเราหยิบหนังสือมาหนึ่งเล่ม หากเราเปิดอ่านแค่คร่าวๆ โดยไม่ได้ใส่ใจที่จะอ่านรายละเอียดมากนัก
แสดงว่าเป็นคนใจร้อน วู่วาม เวลาจะทำงานอะไรก็ จะไม่ค่อยละเอียดถี่ถ้วนนัก จะให้ความสนใจแต่เรื่องหลัก ๆ ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า นึกอยากจะทำอะไรก็จะลงมือเลยแบบตามใจตัวเองโดยไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อน จึงมักจะมีเรื่องให้ผิดหวังอยู่เสมอ
เปิดอ่านแต่เรื่องที่ตนเองสนใจ แสดงว่าเป็นคนที่มีความเป็นเด็กอยู่ในตัวสูง มักเอาแต่ใจตัวเอง นึกคิดอะไรก็ทำไปอย่างนั้น ไม่ค่อยนึกถึงจิตใจผู้อื่นเท่าใดนัก แต่เป็นคนจิตใจดี ใจกว้าง ชอบ ช่วยเหลือผู้อื่น แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์เลยทำให้ไม่ค่อยมีคนกล้าเข้าใกล้หรือกล้าเข้ามาทำความรู้จักด้วย
ชอบอ่านทุกหน้าและทุกเรื่อง จะเป็นคนใจกว้าง ยอมรับความคิดหรือสิ่งใหม่ ๆ ได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นความคิดของใครก็ตาม เป็นคนที่ให้โอกาสคนอื่นสูง ความสนใจใคร่รู้ในสิ่งต่าง ๆ และทันเหตุการณ์และหากสนใจในเรื่องใด ก็มักจะทุ่มเทให้กับเรื่องนั้นเพื่อให้รู้จริง มีความคิดกว้างไกลมากและมักจะได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง
ชอบออกเสียงเวลาอ่านหนังสือ แสดงให้เห็นถึงการมีใจคอเปิดเผยจริงใจและซื่อสัตย์ต่อทุกคนที่คบด้วยและเป็น คนไว้ใจได้ไม่ค่อยมีพิษมีภัยกับใคร เป็น คนรักสงบ มีชีวิตเรียบง่าย สมถะ รักธรรมชาติ ถึงแม้จะไม่ใช่คนมีภูมิความรู้อะไรมากนักแต่ก็มีความน่านับถืออยู่ในตัว มีโลกส่วนตัวและมีโลกในอุดมคติของตัวเอง
ชอบขีดเส้นข้อความสำคัญเวลาอ่านหนังสือ อุปนิสัยเป็นคนช่างจดจำและค่อนข้างยึดมั่นในตัวเอง สิ่งไหนที่เป็นของตนเองก็ไม่อยากให้ใครมาแย่งไป แต่ก็เป็นคนทำงานเก่งและทำได้ดี เพราะเวลาทำงานมักจะทำอย่างจริงจัง และไม่ชอบเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ
ชอบพับขอบหนังสือ เวลาอ่านหนังสือค้างไว้มักจะใช้วิธีพับขอบแทนการใช้ที่คั่นหนังสือ แสดงว่าเป็นคนไม่ค่อยเรียบร้อยนัก แต่เมื่อได้ลงมือทำอะไรก็มักจะทำอย่างจริงจัง หมกมุ่นจนทำสำเร็จ ไม่ค่อยใส่ใจคนรอบข้างนัก ดูเหมือนเป็นคนเห็นแก่ตัวแต่ที่จริงเค้าไม่เก่งเรื่องโฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวเองซะมากกว่า ยิ่งเวลามีคนมาขอความช่วยเหลือเค้าก็จะพร้อมจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
แหล่งที่มา :
http://horoscope.sanook.com/whoami/whoami_01975.php

นิราศนรินทร์คำโคลง

นิราศนรินทร์เป็นบทประพันธ์ประเภทนิราศคำโคลงที่โด่งดังที่สุดในยุครัตนโกสินทร์ ทัดเทียมได้กับ"กำสรวลศรีปราชญ์"และ"ทวาทศมาส"ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผู้แต่งคือ นายนรินทร์ธิเบศร์(อิน) แต่งขึ้นเมื่อคราวตามเสด็จ กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ไปทัพพม่า ในสมัยรัชกาลที่สอง ไม่มีบันทึกถึงประวัติของผู้แต่งไว้ ทราบแต่ว่าเป็นข้าราชการ ตำแหน่ง มหาดเล็กหุ้มแพร ในกรมพระราชวังบวรฯ และมีผลงานที่ปรากฏนอกจากนิราศเรื่องนี้ เป็นเพลงยาวอีกบทหนึ่งเท่านั้น แต่แม้จะมีผลงานเพียงน้อยนิด แต่ผลงานของกวีท่านนี้จัดว่าอยู่ในขั้น วรรณคดี และเป็นที่นิยมอ่านกันอย่างแพร่หลาย
เนื้อหาของนิราศนรินทร์ก็ดำเนินตามแบบฉบับนิราศทั่วไป คือ มีการเดินทางและคร่ำครวญถึงการพลัดพรากจากนางอันเป็นที่รัก โดยได้รับอิทธิพลอย่าสูงจาก กำสรวลศรีปราชญ์ (ซึ่งในสมัยนั้นถือว่าการเอาอย่างโบราณเป็นเรื่องดี) แต่นิราศนรินทร์มีจุดเด่นที่การใช้คำที่ไพเราะ รื่นหู ข้อความกระชับ ลึกซึ้งและกินใจ จะถือว่าเป็นนิราศคำโคลงที่ไพเราะที่สุดก็ย่อมได้
โคลงบทที่ 2 กรุงศรีอยุธยาล่มสลายไปจากการเสียกรุง แต่ก็มีเมืองล่องลอยมาจากสวรรค์อันมีพระที่นั่งสถูปแก้วอันสวยงาม ด้วยบุญบารมีที่สั่งสมของพระเจ้าแผ่นดินก็ได้ทำนุบำรุงศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง เปิดทางให้บ้านเมืองไปสู่ความดีงามและยังฟื้นเมืองให้ตื่นจากการหลับใหลหลังจากการเสียกรุง
โคลงบทที่ 3 ความรุ่งเรืองของศาสนานั้นมีมากไปทั่วยิ่งกว่าแสงอาทิตย์ ผู้คนได้รับพระธรรมจากการฟังธรรมอยู่เป็นประจำ เจดีย์มากมายได้ถูกสร้างขึ้นสูงตระหง่านฟ้ายอดเจดีย์สวยงามยิ่งกว่าแสงนพเก้า เสมือนเป็นหลักแห่งโลกและเป็นที่มหัศจรรย์แห่งสรวงสวรรค์
โคลงบทที่ 4 โบสถ์ วิหาร ระเบียง ธรรมาสน์และศาลาต่างๆนั้น กว้างใหญ่ขยายไปถึงสวรรค์ หอพระไตรปิฎก เสียงระฆังในหอระฆังยามพลบค่ำ และแสงตะเกียงจากโคมแก้วอันมากมายนั้นสามารถทำให้แสงจันทร์สว่างน้อยลง
โคลงบทที่ 8 เมื่อจำต้องจากนางอันเป็นที่รักไปด้วยความอาลัยเหมือนกับต้องปลิดหัวใจของตนออกไปกับนาง ถ้าหากว่าดวงใจสามารถแบ่งออกได้ก็จะผ่าออกเป็นสองซีก ซีกหนึ่งจะเก็บไว้กับตนเอง แต่อีกซีกหนึ่งจะมองให้นางรักษาไว้ โคลงบทที่ 10 จะฝากนางไว้กับฟากฟ้าหรือผืนดินดี เพราะกลัวว่าพระเจ้าแผ่นดินจะมาลอบเชยชมนาง จะฝากนางไว้กับสายลมช่วยพัดพานางบินหนีไปบนฟ้า แต่ก็กลัวลมพัดทำให้ผิวนางมีรอยช้ำ
โคลงบทที่ 11 จะฝากนางไว้กับใครดี จะฝากนางไว้กับนางอุมาหรือชายาพระนารายณ์ ก็เกรงว่าจะเข้าใกล้ชิดนาง พี่คิดจนสามโลกจะล่วงลับไปก็คิดได้ว่าจะฝากนางไว้ในใจตนเองดีกว่าฝากไว้กับคนอื่น
โคลงบทที่ 22 เดินทางมาโดยทางน้ำล่วงหน้ามาจนถึงตำบลบางยี่เรือ ขอให้เรือแผงช่วยพานางมาด้วย แต่บางยี่เรือไม่รับคำขอ น้ำตาพี่จึงไหลนอง
โคลงบทที่ 37 เดินทางต่อไปจนถึงตำบลบางพ่อ ซึ่งน้ำแห้งเหือดจนมองไม่เห็น มีแต่บ่อน้ำตาที่คงเต็มไปด้วยเลือด พี่ก็อยากให้นางผู้มีความงาม5ประการมาซับน้ำตาพี่แล้วค่อยจากไป
โคลงบทที่ 41 เห็นต้นจากแตกกิ่งก้านสลับกับต้นระกำ ทำให้ชอกช้ำระกำใจ ว่าเคยเป็นเวรกรรมที่คงเคยทำกันมาทำให้เราต้องจากกันไกล ขอให้ครั้งหน้าเราคงได้อยู่ด้วยกัน
โคลงบทที่ 45 เป็นการเปรียบเทียบของหน้านางกับดวงจันทร์ แต่ดวงจันทร์มีรอยตำหนิเป็นรอยกระต่าย แต่ใบหน้าของน้องนางสวยงามไม่มีตำหนิ ไม่มีสิ่งใดมาเปรียบเทียบ เพราะหน้าของน้องงามกว่าดวงจันทร์ ยิ่งมองยิ่งงามกว่านางฟ้า โคลงบทที่ 118 เดินทางมาถึงตระนาวศรีความโศกเศร้าก็กระหน่ำซ้ำเติมเข้ามา ความโศกเศร้าที่จากนางาไม่ว่าจะเดินผ่านทุ่งนา ป่า ท้องน้ำ หรือสถานที่ใดไม่ว่าจะเป็นทางบกหรือทางน้ำ ก็สามารถสังความไปถึงน้ำได้ตลอด
โคลงบทที่ 122 ไม่ว่าจะเป็นพระอินทร์ ผู้มีพันตา ผู้เฝ้าดูระวังโลก พระพรหมผู้มีสี่หน้าแปดหูที่คอยฟังสรรพเสียงใดๆ หรือจะเป็นพระนารายณ์ที่บรรทมอยู่หลังนาค เมื่อเราทั้งสองต้องพลัดพรากจากกัน เราสองคร่ำครวญอยู่ซ้ำซากแต่เทพพระองค์ก็ไม่สนใจ
บทที่ 139 ในอกของพี่นั้นมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อยากจะระบายยออกมาบรรยายให้น้องได้ทราบ ความรู้สึกของพี่นั้นมากมาย ดังนั้น พี่จึงเอาเขาพระสุเมรุมาเป็นปากกา เอามหาสมุทรเป็นน้ำหมึก แล้วเขียนเป็นตัวหนังสือไนอากาศเป็นแผ่นกระดาษ จารึกลงไปก็ยังไม่พอ เพราะความรู้สึกของพี่นั้นมีมาก ผู้เลอโฉมลงมาจากฟ้า จะรับรุ้ความรู้สึกในใจของพี่หรือไม่
บทที่ 140 ภูเขาพังทลาย สวรรค์ 6 ชั้น ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ จะหายไปจากโลก ความรักของพี่นั้นก็ไม่หาย ถึงไฟมาผลาญล้างทวีปทั้ง 4 ก้ไม่สามารถล้างความอาลัยของพี่ได้
บทที่ 141 พี่ได้คร่ำครวญถึงความรักของพี่จนสั่นกึกก้องทั้งแผ่นดิน และท้องฟ้า เป็นข้อความที่บรรยายถึงความโศกเศร้าของพี่ ข้อความเหล่านั้นขอให้น้องรับไว้เป็นต่างหน้า ให้นึกถึงอดีตระหว่างเรา

cross word

งานcross wordที่เราทำเอง ลองไปเล่นกันได้นะ เป็นcross word เกี่ยวกับเทคนโลยี(คอมพิวเตอร์)หวังว่าเพื่อนๆคงสนุกกันนะ
http://www.tempf.com/getfile.php?filekey=1221392270.25317_cross_word.htm&mime=text/html

งานวันแม่

ต้องขอโทษด้วยนะค่ะที่นำงานวันแม่มาให้เพื่อนได้ชมช้าไปหน่อย แต่อย่าว่ากันเลยน้า
http://www.tempf.com/getfile.php?filekey=1221391307.86913_______.ppsx&mime=application/zip
แนะนำwepฝากFile
http://www.tempf.com/

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551

ประกวดมารยาท


เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2551 คาบประชุมระดับ นักเรียนชั้นม. 4 ได้มีการจัดการประกวดมารยาทขึ้น ซึ่งฉันได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนในการประกวดมารยาทกับเพื่อนอีกหนึ่งคน เราทั้งสองคนตื่นเต้นมากค่ะ แต่ดีนะที่คุณครูใช้วิธีการจับฉลากในการแข่งขัน ซึ่งห้อง 2 ของเรานั้นได้ประกวดในชุดสุดท้าย เมื่อก้าวขึ้นบนเวทีครั้งแรก ฉันรู้สึกได้เลยว่ามือเริ่มสั่น แต่ฉันพยายามรวบรวมสมาธิเป็นอย่างมากค่ะ ในการประกาศผล ทุกคนตื่นเต้น และลุ้นกันตัวโก่งเลยค่ะ เป็นที่แน่นอนว่าฉันและคู่ของฉันนั่งไม่ติดพื้นกันแล้ว เพราะเหน็บเริ่มกินขา และก็เป็นที่น่าดีใจที่ห้อง 2 ของเราได้รับรางวัลชนะเลิศทั้งการประกวดแบบคู่ 2 คน และการประกวดแบบสุ่มเลขที่ 10 คน พวกเราดีใจมากๆค่ะ ที่สามารถทำรางวัลได้ทั้ง 2 อย่างเลย นี้คงเป็นสัญลักษณ์ที่ว่า นักเรียนชั้นม. 4/2 เป็นเด็กที่มีมารยาทมากๆค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551

ความทรงจำ

ซึ้งๆๆๆToT
วันที่ 6 กันยายน 2551 เพื่อน 3/9ปี50 ทุกคนต่างรวมตัวกันที่ร้านหมูกะทะ ซึ่งเหตุที่มารวมตัวกันเพื่อเลี้ยงวันเกิดให้กับเพื่อนทั้ง 7 คนด้วยกัน ก่อนจะกินเจ้าภาพก็เริ่มทวงตังค์ ไม่จ่ายห้ามกิน กินแล้วจ่ายเลย อะไรประมาณนี้ เราต้องรีบกลับบ้านเลยกินได้นิดเดียว ดีแล้วเดี๋ยวอ้วนเป็นหมู แต่กินอะไรก็ไม่อ้วน เพราะมันจะลงแต่แก้ม แก้มป่องแย่แล้ว 555+
การรวมตัวครั้งนี้มีความหมายมากมาย เหตุการณ์ที่ทุกคนต่างเก็นไว้ในความทรงจำ ภาพแห่งความสุข ความประทับใจที่เพื่อนต่างได้มาอยู่ด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง และร้องไห้ด้วยความดีในและเสียใจที่ต้องมีการจากลาเกิดขึ้น จ๋าจ้า เพื่อนสุดที่รักของเราต้องย้ายไปเรียนที่โรงเรียนอื่น เพราะต้องตามคุณพ่อไปทำงานToT ถ้าจ๋าจ้าไปต้องคิดถึงมากๆแน่เลย รักเพื่อนๆทุกคนนะ

ความทรงจำดีๆจะอยู่กับเราตลอดไป รักเพื่อนเสมอ

giftedเคมี

ดีจ้้า
วันที่ 6 กันยายน 2551 เราได้ไปเรียนวิชาเคมีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี เรียนเรื่องการแยกสาร ตั้งแต่ 8.30น. จนถึง 15.00 น. พวกเราได้ทำปฏิบัติการแยกสาร คือ การสกัดคาเฟอีนด้วยค่ะ ทุกคนสนุกกันมากๆเลย ได้ความรู้เรื่องการสกัดสารต่างๆมากมาย และได้ประสบการณ์ที่น่าประทับใจอีกด้วย พี่ๆที่เป็นพี่เลี้ยงของพวกเราน่ารักมากๆค่ะ ช่วยเหลือพวกเราตลอดเวลา
ต้องขอขอบคุณคณะคุณครูทุกท่านที่ให้โอกาสนักเรียนทุกคนได้มาเรียนรู้และได้รับประสบการณ์อีกมากมายในครั้งนี้ และขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการทำการทดลองครั้งนี้ด้วยค่ะ

นี้คือภาพบรรยากาศการแยกสารโดยใช้กรวยแยกสาร โดยเราต้องการสารตัวด้านบน โดยเราต้องทำการปล่อยสารด้านล่างซึ่งเป็นสารที่สกัดได้จากใบชา นั้นคือ คาเฟอีนนั้นเองค่ะ





หลังจากเราได้ผลึกคาเฟอีนแล้ว เราก็นำไปทำTLCค่ะ โดยต้องนำไปส่องกับรีงสีUVถึงจะเห็นการเคลื่อนที่ของสารค่ะ
ระหว่างการปฏิบัติการ เมื่อมีเวลาว่าง เพื่อนก็จะมาถ่ายรูปกันค่ะ สนุกมากๆ ซึ่งพวกเราคิดว่าเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าประทับใจค่ะ
นี่คือกลุ่มของพวกเราค่ะ และพี่เปิ้ล ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงที่คอยช่วยเหลือกลุ่มของเราเป็นอย่างดี
พี่เลี้ยงทุกคนน่ารักมากๆค่ะต้องขอบคุณพี่ๆมากนะค่ะ^^บรรยายกาศตอนนี่พวกเรากำลังจะกลับแล้วค่ะ จึงมาเข้าแถวขอบคุณพี่ๆกันค่ะ

กลับบ้านแล้วจ้า บ๊ายบายยย!!!

วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551

shotเด็ดกีฬาสี

ดีจ้าเพื่อนๆทุกคน
กีฬาผ่านมาแล้วจ้า แต่ความสนุกยังไม่จบลงแค่นี้ วันนี้มีภาพเด็ดๆมาฝากกันจ้า











ภาพกองเชียร์สีส้ม เค้าเชียร์ได้ใจจริงๆค่ะ












การแข่งขันบาสเกตบอลหญิง สีม่วงสีของบีเองค่ะ พี่ๆเค้าทุ่มเทเพื่อสีจริงๆค่ะ น่านับถือจริงๆค่ะ !!