WelcoMe To ->Bei!zZ<- WonDerLand Cute Pixel Graphics from Freeglitters.com
Myspace Comments

วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2551

มหาเวสสันดรชาดก

1. กัณฑ์ทศพร
เริ่มตั้งแต่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ แล้วเสด็จไปเทศนาโปรดพระเจ้าพิมพิสารต่อจากนั้นเสด็จไปโปรดพุทธบิาและพระประยูรญาติที่กรุงกบิลพัสดุ์เกิดฝนโบกขรพรรษ พระสงค์สาวกกราบทูลอาราธนาให้ทรงแสดงเรื่องมหาเวสสันดรชาดก เริ่มตั้งแต่เมื่อกัปที่ 98 นับแต่ปัจจุบันพระนางผุสดีซึ้งจะทรงเป็นพระมารดาของพระเวสสันดรทรงอธิษฐานขอเป็นมารดาของผู้มีใจบุญจบลงตอนพระนางได้รับพร 10 ประการจากพระอินทร์

อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้ คือ ผู้นั้นจะได้รับทรัพย์สมบัติดังปรารถนา ถ้าเป็นสตรีจะได้สามีที่เป็นที่ชอบเนื้อเจริญใจ บุรุษจะได้ภรรยาเป็นที่ต้องประสงค์อีกเช่นเดียวกันจะได้บุตรหญิงชายเป็นคนว่านอนสอนง่าย มีรูปร่างที่งดงาม มีความประพฤติดีกริยาเรียบร้อย

2. กัณฑ์หิมพานต์

พระเวสสันดรทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสัญชัยกับพระนางผุสดี แห่งแคว้นสีวีราษฎร์ประสูติที่ตรอกพ่อค้า เมื่อพระเวสสันดรได้รับเวนราชสมบัติจากพระบิดา ได้พระราชทานช้างปัจจัยนาเคนทร์แก่กษัตริย์แคว้นกลิงคราชฎร์ ประชาชนไม่พอใจพระเวสสันดรจึงถูกพระราชบิดาเนรเทศไปอยู่ป่าหิมพานต์

อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้ คือ ย่อมได้สิ่งที่ปรารถนาทุกประการ ครั้นตายแล้วได้บังเกิดในสุคติโลกสวรรค์เสวยสมบัติอันมโหฬาร มีบริวารแวดล้อมบำรุงบำเรออยู่เป็นนิตย์จุติจากสวรรค์แล้วจะลงมาเกิดในตระกูลขัตติยะมหาศาล หรือตระกูลพราหมณ์มหาศาลอันบริบูรณ์ด้วยทรัพย์ศฤงคารบริวารมากมายนานาประการจะประมาณมิได้ ประกอบด้วยการสบายใจทุกอิริยาบถ

3. กัณฑ์ทานกัณฑ์

ก่อนเสด็จไปอยู่ป่าพระเวสสันดรได้พระราชทานสัตสดกมหาทาน คือ ช้าง ม้า รถ ทาสชาย ทาสหญิง โคนม และ นางสนมอย่างละ 700

อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้ คือ จะบริบูรณ์ด้วยแก้วแหวนเงินทองทาสทาสี และสัตว์ 2 เท้า 4 เท้า ครั้นตายแล้วจะได้ไปเกิดในฉกาพจรสวรรค์ มีนางเทพอัปสรแวดล้อมมากมายเสวยสุขในปราสาทแล้วด้วยแก้ว 7 ประการ

4. กัณฑ์วนปเวสน์
พระเวสสันดรทรงพระนางมัทรีและพระชาลี (โอรส) พระกัณหา(ธิดา )เสด็จจากเมืองผ่านแคว้นเจตราษฎร์จนเสด็จถึงเขาวงกตในป่าหิมพานต์
อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้ คือ จะได้รับความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้าจะได้เป็นบรมกษัตริย์ในชมพูทวีป เป็นผู้ทรงปรีชาเฉลียวฉลาดสามาร๔ปราบอริราชศัตรูให้ย่อยยับไป

5. กัณฑ์ชูชก
ชูชกพราหมณ์ ขอทานได้นางอมิตตาบุตรสาวของเพื่อนเป็นภรรยานางใช้ให้ชูชกไปของสองกุมาร ชูชกเดินทางไปสืบข่าวในแคว้นสีวีราษฎณ์ สามารถหลบหลีกการทำร้ายของชาวเมือง พบพรานเจตบุตรลวงพรานเจตบุตรให้บอกทางไปยังเขาวงกต

อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์นี้ คือ จะได้บังเกิดในตระกูลกษัตริย์ ประกอบด้วยสมบัติอันงดงามกว่าคนทั้งหลาย จะเจรจาปราศรัยก็ไพเราะเสนาะโสตแม้จะได้สามีภรรยาและบุตรธิดาก็ล้วนแต่มีรูปทรงงดงามสอนง่าย

6. กัณฑ์จุลพน
ชูชกเดินทางผ่านป่าตามเส้นทางที่เจตบุตรแนะจนถึงที่อยู่ของอัจจุตฤๅษี

อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้ คือ แม้จะบังเกิดในปรภพใดๆจะเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยสมบัติบริวารจะมีอุทยานอันดารดาษด้วยไม้หอมตรลบไป แล้วจะมีสระโบกขรณีอันเต็มไปด้วยประทุมชาติ ครั้นตายไปแล้วก็ได้เสวยทิพยสมบัติในโลกหน้าสืบต่อไป

7. กัณฑ์มหาพน
ชูชกลวงอัจจุตฤๅษีให้บอกทางผ่านป่าไม้ใหญ่ไปยังที่ประทับของพระเวสสันดร

อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้ คือ จะเสวยสมบัติใดในดาวดึงส์เทวโลกนั้นแล้วจะได้ลงมาเกิดเป็นกษัตริย์มหาศาล มีทรัพย์ศฤงคารบริวารมาก มีอุทยานและสระโบกขรณีที่เป็นประพาสเป็นผู้บริบูรณ์ด้วยด้วยศักดานุภาพเฟื่องฟุ้งไปทั่วชมพูทวีปอีกทั้งจักได้เสวยอาหารทิพย์เป็นนิตย์นิรันดร

8. กัณฑ์กุมาร
ชูชกทูลขอสองกุมารทุบตีสองกุมารเฉพาะพระพักตร์พระเวสสันดร แล้วพาออกเดิน

อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้ คือ ย่อมประสบผลสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา ครั้นตายไปแล้วได้เกิดในฉกามาพจรสวรรค์ ในสมัยที่พระศรีอาริยาเมตไตรมาอุบัติก็จะได้พบศาสนาของพระองค์ จะได้ถือปฏิสนธิในตระกูลกษัตริย์ ตลอดจนได้สดับตรับฟังพระสัทธรรมเทศนาของพระองค์ แล้วบรรลุพระอรหันตผลพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้ง 4 ด้วยบุญราศีที่ได้อบรมไว้

9. กัณฑ์มัทรี พระนางมัทรีเสด็จกลับจากหาผลไม้ในป่าออกติดตามสองกุมารตลอดทั้งคืนจนถึงทรงสัญญี(สลบ)เฉพาะพระพักตร์พระเวสสันดรเมื่อทรงฟื้นแล้วพระเวสสันดรตรัสเล่าความจริงเกี่ยวกับสองพระกุมาร พระนางทรงอนุโมทนาด้วย

อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้ คือ เกิดในโลกหน้าจะเป็นผู้มั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ เป็นผู้มีอายุยืนยาว ทั้งประกอบด้วยรูปโฉมงดงามกว่าคนทั้งหลาย จะไปในที่ใดๆก็จะมีแต่ความสุขทุกแห่งหน


10. กัณฑ์สักกบรรณ
พระอินทร์พระเกรงว่าจะมีผู้มาขอพระนางมัทรี จึงแปลงเป็นพราหมณ์ชรามาทูลขอพระนางมัทรีแล้วฝากไว้กับพระเวสสันดร

อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้ คือ จะเป็นผ้ที่เจริญด้วยลาภยศตลอดจนจตุรพิธพรทั้ง 4 คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ตลอดกาล

11. กัณฑ์มหาราช
ชูชกเดินทางเข้าไปแคว้นสีวีราษฎร์ พระสัญชัยทรงไถ่สองกุมารชูชกได้รับพระราชทานงานเลี้ยงและ ถึงแก่กรรมด้วยกินอาหารมากเกินควร

อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์นี้ คือ จะได้มนุษยสมบัติ สวรรค์สมบัติและนิพพานสมบัติเมื่อเกิดเป็นมนุษย์จะได้เป็นพระราชาเมื่อจากโลกมนุษย์ไป ก็จะไปเสวยทิพย์สมบัติในฉกามาพจรสวรรค์ มีนางเทพอัปสรเป็นบริวาร ครั้นบารมีแก่กล้าก็จะได้นิพพานสมบัติอันตัดเสียซึ้งชาติชรา พยารณธ พ้นจากโอฆะทั้งสามมีกาโมฆะ เป็นต้น

12. กัณฑ์ฉกษัตริย์
กษัตริย์แคว้นถลิงราชย์ทรงคืนช้างปัจจัยนาเคนทร์ พระเจ้ากรุงสญชัย พระนางผุสดี พระชาลี พระกัณหา เสด็จไปทูลเชิญพระเวสสันดร พระนางมัทรีกลับพระนคร เมื่อกษัตริย์ทั้งหกพระองค์ทรงพบกันก็ทรงวิสัญญี ต่อมาฝนโบกขรพรรษตกจึงทรงฟื้นขึ้น

อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้ คือ จะได้เป็นผู้ที่เจริญด้วยพร 4 ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ทุกๆชาติแล

13. กัณฑ์นครกัณฑ์
กษัตริย์หกพระองค์เสด็จกลับพระนคร พระเวสสันดรได้ครองราชย์ดังเดิม บ้านเมืองสมบูรณ์พูนสุข

อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์นี้ คือ จะได้เป็นผู้บริบูรณ์ด้วยวงคาคณาญาติ ข้าทาสชาย-หญิง ธิดา สามี หรือบิดามารดา เป็นต้น อยู่พร้อมหน้ากันด้วยความผาสุกปราศจากดรคาพาธทั้งปวงจะทำการใด ๆ ก็พร้อมเพียงกันยังการงานนั้นๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2551

จุดแข็ง จุดอ่อน ๑๒ ราศี

ราศีมังกร (22 ธันวาคม – 19 มกราคม)
จุดแข็ง
1.อ่านคนเก่ง มีลางสังหรณ์แม่นยำ
2.วางตัวดี ยากที่ใครอ่านออก
3.มีอารมณ์ขัน มีวาทศิลป์
4.มีความนอบน้อมถ่อมเคารพผู้อาวุโส
5.มีความซื่อตรงและยุติธรรม
6.รอบคอบ ละเอียดอ่อน
7.ใจบุญสุนทาน มีความรอบรู้ รักพ่อแม่พี่น้องมาก
8.เข้มแข็งแกร่งกล้า แม้จะเป็นคนอ่อนไหวง่าย
จุดอ่อน
1.เจ็บปวดง่าย ยากจะลืมเลือนหรือให้อภัยคนที่ทำร้ายตน
2.ชอบผูกมิตรกับคนแต่ไม่ชอบคบใครจริงจัง
3.ชอบแสดงความสดใสร่าเริง ทั้งที่ในใจรู้สึกโดดเดี่ยว
4.ทนไม่ได้กับการวิพากษ์วิจารณ์หรือการดูถูก
5.ยึดมั่นในหน้าที่ จนไม่มีเวลาใช้ชีวิตแบบที่ปารถนา
6.ใช้จ่ายเงินเก่ง
7.เชื่อว่าตนเองถูกเสมอ

ราศีกุมภ์ (20 มกราคม – 18 กุมภาพันธ์)
จุดแข็ง
1.มีความเป็นเพื่อนให้ทุกคนอย่างไม่เลือก
2.ตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจน มีจุดยืนที่มั่นคง
3.ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ไม่เคยดับมอด
4.เด็ดเดี่ยว ไม่ท้อแท้
5.กล้าได้กล้าเสีย แก้ปัญหาเก่ง ไม่ตื่นตกใจง่าย
6.รู้จักกาลเทศะ
7.สร้างจุดสนใจได้ดีเสมอ สร้างความประทับใจให้กับทุกคน
8.สุขุมเยือกเย็น ไม่เคยทำอะไรสะเพร่า
จุดอ่อน
1.ต่อต้านกฎเกณฑ์อย่างจริงจัง จนบางครั้งก้าวร้าว
2.ไม่ลงให้ใครง่ายๆ
3.ไม่แสดงความคิดเห็นของตน แต่เก็บเกี่ยวความคิดของผู้อื่น
4.ชอบเสี่ยง ทั้งที่ไม่มีความมั่นใจเลย
5.ไม่ทนกับคนที่ตนคิดว่าไรสาระ
6.ไม่ชอบแสดงออกทางอารมณ์ แม้แต่จะทำสิ่งที่ดีๆให้กับคนที่ตนรัก
7.คาดหวังสูงกับความเป็นคนมีเสน่ห์และเป็นที่ยอมรับของคนรอบข้าง
8.ชอบคิด ชอบวางแผน แต่ไม่ชอบลงมือทำ

ราศีมีน (19 กุมภาพันธ์ – 20 มีนาคม)
จุดแข็ง
1.สามารถดึงเอาความเพ้อฝันมาใช้สร้างสรรค์ได้
2.ปรับตัวได้ดี รู้จักรอมชอม แม้จะฝืนใจตนเองบ้าง
3.วางตัวดี รู้จักพูดจา เป็นผู้ฟังที่ดี
4.ยินดีให้ความร่วมมือกับผู้อื่นแม้จะไม่เห็นชอบด้วยก็ตาม
5..ไม่เรียกร้องความโดดเด่น ไม่ยึดติดว่าตนต้องเป็นผู้นำ
6.มีความอดทน มีศักยภาพที่ไขว้คว้าความสำเร็จ
7.ฉลาดและรู้จักใช้โอกาส
จุดอ่อน
1.อารมณ์เปราะบาง
2.สับสนและเครียดได้สูงเพียงเพราะอารมณ์อ่อนไหวของตน
3.ไม่กล้าทำในสิ่งที่ลึกๆปรารถนา
4.ชอบหลอกตัวเองไม่ยอมรับความจริง
5.พอใจที่จะอยู่ในโลกแห่งจินตนาการมากกว่าโลกแห่งความจริง
6.ชอบหนีปัญหาของตนเอง ทั้งที่สามารถให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาของผู้อื่นได้
7.ไม่ชอบงานหนักหรือภาวะที่บังคับให้ต้องรับผิดชอบสูง
8.ขาดมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังกับชีวิต

ราศีเมษ (21 มีนาคม – 19 เมษายน)
จุดแข็ง
1.มีกำลังใจเข้มแข็ง ไม่ท้อถอยง่ายๆ
2.มีน้ำใจไมตรีต่อคนรอบข้าง
3.รู้จักสร้างความสดชื่นรื่นรมย์อยู่เสมอ
4.เป็นผู้นำที่ดี มีความยุติธรรมและซื่อตรงสูง
5.มีความคิดริเริ่มรักอิสระ
6.วางจุดหมายของตัวเองไว้ทุกระยะ
7.สนใจใฝ่รู้ มุ่งไปที่ความสำเร็จมากกว่าเงิน
8.กล้าสู้ปัญหา ยอมรับความกดดันได้ดี
จุดอ่อน
1.เชื่อแต่ความคิดและมุมมองของตนเอง
2.หลงตนเองต้องการเป็นหนึ่งเสมอ
3.อยากควบคุมความคิดคนอื่น เผด็จการพอตัว
4.บางครั้งก้าวร้าวและไม่ใคร่ตรองให้ลึกซึ้ง
5.อ่านคนไม่เก่ง แต่ชอบแข่งขันและชอบเอาชนะ
6.กลังคนไม่ยอมรับ
7.เก็บเงินไม่เก่ง
8.ไม่ค่อยอดทนไม่ชอบอยู่กับความซ้ำซากเป็นเวลานาน

ราศีพฤษภ (20 เมษายน – 20 พฤษภาคม)
จุดแข็ง
1.มีความบากบั่นสูง ยากที่จะยอมแพ้หรือเปลี่ยนแปลงจุดยืนของตนเอง
2.เป็นคนมีจิตใจดี ให้เกียรติให้ความสำคัญแก่คนอื่นเสมอ
3.เป็นคนจริงใจ รักมั่นคง รักครอบครัวรักเพื่อน อย่างแท้จริง
4.สามารถเก็บความรู้สึกเกรี้ยวกราดไว้ได้ ยากที่จะแสดงออกว่าไม่พอใจใคร
5.สามารถจัดการชีวิตให้มีระเบียบวินัยอย่างพอเหมาะ
6.เป็นคนมีเหตุผล พูดจริง ทำจริง และไม่ไข่คว้าในสิ่งที่เกินตัว
7.มักไตร่ตรองให้รอบครอบอยู่เสมอ
8.เป็นคนสุภาพนอบน้อม ไม่ใจร้อนวู่วาม
จุดอ่อน
1.คิดและทำอะไรช้า
2.อยากทำตามความคิดตนมากกว่าจะเปลี่ยนแปลงเพราะฟังคนอื่น
3.โกธรได้ง่าย แต่หายยาก
4.ยอมทุ่มเทเงินทองให้กับสิ่งที่ชอบ
5.เจ้าระเบียบ ไม่ชอบให้ใครยุ่งกับคนของตน
6.ไม่ชอบที่จะให้เพื่อนพ้อง พี่น้องชื่นชมใครไปกว่าตน

ราศีเมถุน (21 พฤษภาคม – 20 มิถุนายน)
จุดแข็ง
1.มีความสดใสร่าเริง และมีอารมณ์ขันเสมอ
2.ช่างคิด ช่างสังเกต
3.ฉลาดคิดเร็วตัดสินใจเร็ว และไม่ชอบหยุดนิ่ง
4.ไหวพริบดี สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง
5.มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มีความสามารถในการวางแผน
6.รักการเรียนรู้ สนุกที่จะหาประสบการณ์ ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง
7.สามารถให้ความช่วยเหลือ คำปรึกษา คำแนะนำแก่คนรอบข้างได้
8.เก็บความรู้สึกดี มักไม่แสดงความรู้สึกโกธรออกมา
จุดอ่อน1.ขาดความมุ่งมั่นและไม่อดทนไม่มีความหนักแน่น
2.ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของตน
3.เป็นคนเบื่อง่าย ขาดความจริงจังทั้งที่เป็นคนมีความทะยาน
4.แม้จะเป็นคนคิดการณ์ไกล แต่ไม่ชอบที่จะทำ มักวางมือเสียง่ายๆ
5.กล้าคิด กล้าทำแต่จริงๆแล้วขาดความรอบครอบ
6.ไม่ตรงต่อเวลานัก ไม่ต้องการความรับผิดชอบสูง
7.ขาดพลังในการควบคุมตน

ราศีกรกฎ (21 มิถุนายน – 22 กรกฎาคม)
จุดแข็ง
1.เป็นคนมีจิตใจดี ไม่เคยคิดเบียดเบียนทำร้ายใคร
2.สนใจเรื่องแสวงหาความมั่นคงในชีวิตความสำเร็จและความก้าวหน้ามากกว่าปล่อยชีวิตไปเรื่อยๆ
3.รักบ้าน รักครอบครัว รักเพื่อน
4.มีความจำดี มีความรับผิดชอบสูง
5.ขยันขันแข็ง ไม่เหลวไหล
6.ยอมรับระบบระเบียบและกฎเกณฑ์ที่ถูกต้อง
7.ยืดหยัดตามลำพังได้ด้วยตัวของตัวเองหากต้องเผชิญกับปัญหา
8.มีความละเมียดละไม ใฝ่หาความสุนทรีในชีวิต
จุดอ่อน1.อ่อนไหวเกินไป เจ็บปวดง่าย เจ้าอารมณ์
2.ขาดเหตุผลเข้มงวดกับคนใกล้ตัวเกินไป
3.ช่างหวาดระแวงและวิตกกังวลเกินควร
4.บางครั้งก้าวร้าวเพราะยึดมั่นในความคิดของตนเกินไป
5.ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ทั้งที่ไม่คิดจะทำร้ายใครเลย
6.ไม่มีความกล้าได้กล้าเสี่ยงเท่าใด
7.มักมองโลกในแง่ร้ายและตัดสินใจเรื่องราวในแง่ลบเสมอ

ราศีสิงห์ (23 กรกฎาคม – 22 สิงหาคม)
จุดแข็ง
1.เป็นคนใจกว้างและมีน้ำใจ
2.ไม่ดึงตัวเองลงไปในความเครียด รู้จักสร้างความรื่นรมย์ให้ตนเองและคนรอบข้าง
3.เป็นคนที่มีระเบียบในการใช้ชีวิต
4.มีความทะเยอทะยานมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน
5.มีความมั่นอกมั่นใจและเป็นตัวเองสูง
6.มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ กล้าพูดกล้าทำ กล้าเสี่ยง
7.ไม่หวาดกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง
8.ไม่ยอมล้มเหลวหรือพ่ายแพ้
จุดอ่อน
1.บางครั้งทระนงจนไม่ยอมขอโทษ ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิด
2.ชอบให้ทุกคนยกย่อง เอาอกเอาใจ ต้องการการยอมรับมากไป
3.ให้ความสำคัญกับการเที่ยวเตร่มากกว่าการมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง
4.การเลือกคบคมมากเกินไปจนดูเหมือนดูถูกคนที่ต้อยต่ำกว่า
5.ชอบโอ้อวดและหน้าใหญ่ในบางครั้ง
6.วู่วามใจร้อนไร้เหตุผล
7.มักเห็นแก่ความต้องการของตนเป็นใหญ่เสมอ
8.กล้าคิดกล้าตัดสินใจแต่ขาดความรอบครอบ

ราศีกันย์ (23 สิงหาคม – 22 กันยายน)
จุดแข็ง
1.ซื่อสัตย์ภัคดี มีความตั้งใจจริงไม่เอาเปรียบใคร
2.มีความรับผิดชอบสูง ความตั้งใจสูง
3.ยินดีช่วยเหลือผู้อื่น รู้จักออมเงิน
4.เก่งกาจในการติดต่อสื่อสาร การคิด การวิเคราะห์และการเก็บรายละเอียด
5.สามารถปรับตัวได้ไม่เบื่อหน่ายมีความอดทนสูง
6.เก่งด้านการจัดการ มีมาตรฐานในชีวิต
7.มีความทะเยอทะยานมีเป้าหมายในชีวิตชัดเจน
จุดอ่อน
1.ไม่เชื่อถือและไม่วางใจใครเหมือนกับที่คนอื่นวางใจตน
2.เข้มงวด เจ้าระเบียบ จุกจิกจู้จี้
3.มีความบากบั่นสูงแต่บางครั้งก็ดันทุรังโดยไร้เหตุผล
4.ด้วยความสามารถในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้บ่อยครั้งช่างตำหนิติเตียนผู้คน
5.มักมีลับลมคมนัยเก็บความรู้สึกและความคิดที่แท้จริงของตนไว้ไม่แสดงออกมา
6.มักหวังสิ่งตอบแทนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
7.เป็นคนเอาใจยาก

ราศีตุลย์ (23 กันยายน – 22 ตุลาคม)
จุดแข็ง
1.มีมาตรฐานในการใช้ชีวิตของตนเอง รู้จักวางเป้าหมายและวางแผนอยุ่เสมอ
2.ดูแลชีวิตตนเองให้มีความสุขเสมอ
3.มีวาทศิลป์ มีคารมคมคาย รู้จักการเจรจาต่อรองได้เยี่ยม
4.ไม่ทำตัวขวางโลก
5.มีความเป็นผู้นำ
6.อ่อนโยน แคร์ความรู้สึกของผู้อื่น
7.มนุษย์พันธ์ดีเยี่ยม ค่อนข้างซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตนเอง
จุดอ่อน
1.การตัดสินใจไม่เด็ดขาดเพราะมักเกิดการโลเล ไม่มั่นใจในตนเอง
2.ปรารถนาความเป็นหนึ่งมากจนเกินไป บางครั้งอาจผิดหวังและอิจฉาผู้อื่นได้
3.บางครั้งสุขุมเกินไปจนดูเหมือนเป็นคนเฉื่อยช้า
4.ยึดถือความถูกต้องเป็นใหญ่จนไม่ประนีประนอมให้เกิดความยืดหยุ่นบาง
5.มีความอ่อนไหวน้อยใจมากพอๆกับความยโส

ราศีพิจิก (23 ตุลาคม – 21 พฤษจิกายน)
จุดแข็ง
1.เป็นคนมีระเบียบวินัยและวางมาตรฐานให้กับชีวิตของตนอย่างเคร่งครัด
2.ไม่ชอบให้ใครเข้ามาในโลกส่วนตัวของตนเอง
3.มีความทรงจำเยี่ยม มีสมาธิดี มีความรับผิดชอบ
4.มีน้ำใจไมตรี ยินดีช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ชอบการประจบ
5.เป็นคมมีไหวพริบ
6.รู้จักใช้เวลาอย่างเป็นประโยชน์ที่สุด
7.มีจุดยืนและเป้าหมายเด่นชัด
จุดอ่อน
1.ค่อนข้างเข้มงวดกับตนเองและคนอื่นมากไป
2.บางครั้งดูหมิ่นผู้อื่นอยู่ในใจและยากที่จะไว้ใจใคร
3.โมโหร้าย หวาดระแวง ยากที่จะประนีประนอม
4.แม้จะไม่ทำร้ายใครก่อน แต่ก็มักจะตอบโต้ด้วยการใช้เล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงอย่างจริงจัง
5.สามารถที่จะลืมความอ่อนโยนกลายเป็นคนก้าวร้าวได้ถ้าไม่พอใจ

ราศีธนู (22 พฤศจิกายน – 21 ธันวาคม)
จุดแข็ง
1.มีแนวคิดที่ชัดเจน มีหลักปรัชญาในการดูแลชีวิต
2.มีอารมณ์ขันเสมอ ไม่เครียดง่าย
3.ปรับตัวได้ดีมองการณ์ไกล
4.กล้าเผชิญกับสิ่งแปลกใหม่เสมอ
5.เข้าใจและเห็นใจผู้อื่น
6.ตรงไปตรงมาไม่มีเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง
จุดอ่อน
1.เก่งหลายอย่างแต่ไม่มุ่งมั่นซะอย่าง
2.มักเปรียบเทียบตนกับผู้อื่นจนท้อ
3.ตัดสินใจไม่เด็ดขาด ไม่เก่งเรื่องวางแผน
4.เก็บเงินไม่เก่ง
5.ทนไม่ได้หากถูกมองว่าไม่ชื้อ จะก้าวร้าวถ้าไม่ได้ดั่งใจ
6.บางครั้งใจแคบ ไม่รู้จักกาลเทศะ
7.ไว้ใจคนง่าย ชอบโต้คารม ชอบอวดความคิดตน
8.แม้ปัญญาดีแต่ขาดไหวพริบ

ที่มา http://www.dek-d.com/content/view.php?id=11478

วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ฝัน หวาน อาย จูบ


ดีจ้า เพื่อน หลังสอบเราไปดู ฝัน หวาน อาย จูบมา ก็สนุกดีนะ เป็นหนังที่น่าดูไปอีกแนว >o<

ข้อมูลแรกของ ฝัน-หวาน-อาย-จูบ หนังรักสี่รส
หน้าหนาวปีนี้..... สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล และ บาแรมยู พร้อมแล้วที่จะเติมเต็มทุกอณูความรู้สึกในทุกพื้นที่หัวใจ ให้อบอวลไปด้วยไออุ่นของทุกความโรแมนซ์ กับภาพยนตร์ที่มีแต่ รัก...รัก...รัก
ฝัน-หวาน-อาย-จูบ 4 ผู้กำกับ 4 เรื่องรัก 4 มุมมอง กับ 22 นักแสดง “ฝัน-หวาน-อาย-จูบ” เป็นโปรเจ็คต์ภาพยนตร์ไทยเรื่องล่าสุดจาก “สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บาแรมยู” ที่รวบรวมเอาเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก 4รูปแบบ นำมาถ่ายทอดผ่านมุมมองของ 4 ผู้กำกับระดับแนวหน้าของเมืองไทย ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล (ฝัน),ปรัชญา ปิ่นแก้ว(หวาน),บัณฑิต ทองดี(อาย) และ ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล(จูบ) นำเสนอออกมาเป็นความรักสี่ช่วงวัย ภายใต้ภาพยนตร์รัก 4 เรื่องฝัน-หวาน-อาย-จูบ โดยที่แต่ะละเรื่องล้วนมีแง่มุมเกี่ยวกับเรื่องราวความรัก ที่แตกต่างกันไปตั้งแต่รูปแบบ สไตล์ วิธีการเล่าเรื่อง ไปจนถึงมุมมองของความรักตามประสบการณ์ แนวคิดและไอเดียของผู้กำกับแต่ละคน จึงพูดได้ว่าเสน่ห์ของ “ฝัน-หวาน-อาย-จูบ” คือรสชาติของความรักโรแมนติคหลากหลายรูปแบบที่ถูกคลุกเคล้าอยู่ในภาพยนตร์ทั้ง 4 เรื่องไม่ว่าจะเป็นมิวสิคคัล ,ดราม่า,คอมิดี้,แอ็คชั่น ฯลฯ ภายใต้บทเพลงแห่งรักที่นำโดยวงAUGUST จากรักแห่งสยาม ไม่ว่าคุณจะเคยผิดหวัง สมหวังหรือมีประสบการณ์ความรักในรูปแบบใด สัมผัสกับทุกคำตอบของคำถามแห่งรัก จาก “ฝัน-หวาน-อาย-จูบ”

“ ฝัน ”
โลกแห่งจินตนาการ เขตแดนแห่งความฝัน และวง AUGUST คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อค้นหาพลังแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ของหัวใจดวงจิ๋ว
กำกับภาพยนตร์ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล บทภาพยนตร์ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุลนำแสดงโดย พิช วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงศ์กุล, วงออกัส- ปฐมวรรธน์ วันสุขประเสริฐ(นายน์),ชานน ริกุลสุรกาน(นน),ด.ช.ภาสกร วิรุฬห์ทรัพย์(เพชร),ทีฆทัศน์ นันทวลีกุล(โจ้),วรปรัชญ์ เดชขจรวุฒิ(ไมค์), วัชริศ อวศิริพงษ์(อาร์ม), สุวพัชร ทรงเสียงไชย(แม็ค),นภันต์ธ นัชย์ พ่วงออมสิน(ต่อ),ณฐพงษ์ นวศัลวัตร์(อ๋อง),อรรถนันต์ ปิยเศรษฐ์(แวน) และจั๊ด-หิมะ กาญจนไพริน
และขอแนะนำ ด.ช.จารุวิทย์ ลัยวิรัตน์(เอิร์ท) และ ด.ญ.เจนจิรา จำเนียรศรี(เจน)


“ หวาน ”
วันใดก็ตามที่ความรักหมดอายุ จงนึกถึงกล่องความทรงจำแห่งความรัก เพื่อจะพาไปสู่วันแรกที่เราได้เจอกัน...และบอกรักกัน และพิสูจน์ว่าความรักจะอยู่ได้ชั่วนิรันดร์หรือไม่
กำกับภาพยนตร์ ปรัชญา ปิ่นแก้วบทภาพยนตร์ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล,เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์นำแสดงโดย ชาคริต แย้มนาม , สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา,สายป่าน อภิญญา สกุญเจริญสุข,แชมป์ วิศิษฎ์ ผ่องโสภา


“ อาย ”
3วัน2คืนบนเกาะสวรรค์ หาดทรายขาว ท้องฟ้าใส และทะเลสีคราม จะทำให้ความหมายของคำว่า “อาย” และ “รักครั้งเก่า” ของเขาและเธอเปลี่ยนไป
กำกับภาพยนตร์ อ็อด-บัณฑิต ทองดีบทภาพยนตร์ ปิงนำแสดงโดย ตาล กัญญา รัตนเพชร์ และขอแนะนำ ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์


“ จูบ ”
คุณเสียจูบแรกตอนอายุเท่าไหร่ ?
กำกับภาพยนตร์ ราเชนทร์ ลิ้มตระกูลบทภาพยนตร์ ราเชนทร์ ลิ้มตระกูลนำแสดงโดย มาริโอ้ เมาเร่อ

ที่มา :http://movie.mthai.com/view/31/27921-ข้อมูลแรกของ_ฝัน_หวาน_อาย_จูบ_หนังรักสี่รส.movie

วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551

สอบแล้ว

ดีจ้าเพื่อนๆ

นี่ก็เป็นวันสอบวันที่ 2 ของกลางภาค อยากจะบอกว่า คะแนนดูไม่ได้เลย ฟิสิกส์เนี่ย ทำมั่วมากๆอ่ะ เกือบไม่ผ่านแล้ว ห้องเรามีผ่านแค่ 5 คนเอง ตอนแรกใจเริ่มไม่ดีและ เพราะคิดว่าเป็นหนึ่งใน 35 ที่ไม่ผ่านแน่นอน แต่พอครูบอกคะแนนปุ๊บ โล่งอกหน่อย ดีนะที่ผ่านมาได้ เหอะๆ ไม่งั้นคุณพ่อฆ่าตายแน่ๆ แต่เราก็ไม่ค่อยพอใจคะแนนภาษาอังกฤษเลยอ่ะ เพราะคิดว่าคงผิดไม่เกิน 10 ข้อ ปรากฎว่า ผิดคาดคะ ผิด 11 ข้อ โอ้วว ว ชีวิต ผิดหวังจ้า...

สอบครั้งต่อไปก็สู้ขยันอ่านมากๆหน่อยและ เพราะดูจากคะแนนที่ปรากฎแล้ว ท้อแท้มากมาย

ขอให้ทุกคนโชคดีนะจ๊ะ มีความสุข ยิ้มรับกับปีใหม่ 2552 นะ

Happy New Year!!!

วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2551

น้องเพื่อนน่ารัก

ดีจ้าเพื่อนๆ นานแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน
วันนี้ได้พบกับหน้าของน้องพีทที่เพิ่งคลอดมา น่ารักมากๆเลย ตื่นเต้นมาก ตอนแรกที่ไปโรงพยาบาลก็ไม่รู้ว่าแม่ของพีทพักห้องไหน เลยไปถามที่เคาน์เตอร์เลยรู้ พอมากถึงหน้าห้องใจก็เริ่มสั่น เพราะว่าพีทไม่ได้มาด้วย เราก็ได้ปลาค่ะ ที่ค่อนข้างกล้าเปิดประตูเข้าไป ก็พบกับ พ่อ แม่ ป้า แล้วก็ยายของพีทและที่สำคัญน้องพิมที่หลับอยู่ น่ารักมากๆๆๆ จริงๆนะ พ่อของพีทให้อุ้มน้องด้วยอ่ะ ทีแรกไม่กล้าอุ้มเพราะกลัวน้องตก ก็คอน้องเขายังไม่แข็งหนิ พอป้าของพีทส่งน้องให้อุ้มก็ตื่นเต้น อยากกรี๊ดออกมาดังๆ เพราะน้องน่ารัก น่ารัก น่ารัก!!! ก็น้องเขาน่ารักจริงๆหงะ น่ารักกว่าพี่อีก อิอิ ล้อเล่น น่ารักทั้งคู่แหละ ก็พี่น้องกันหนิเนอะๆ^^

วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551

45 วิธีกินหมูกะทะ(หมูย่างเกาหลี)ให้สะใจ

45 วิธีกินหมูกะทะ(หมูย่างเกาหลี)ให้สะใจ
1.ไม่ควรแต่งกายเมืองหนาว
2.เตรียมผ้าเช็ดหน้าไปด้วย
3.เครื่องดื่ม Sponsor จะช่วยได้ในยามเสียเหงื่อ
4.ควรเลือกที่นั่งอยู่เหนือลมป้องกันขี้เถ้าเข้าตา
5. อย่านั่งใกล้ชั้นวางเครื่องดื่มเพราะจะทำให้คุณอาจจะเปลี่ยนจากผู้บริโภคเป็นผู้บริการทันที
6.ไม่ควรนั่งหันหน้าเข้าข้างฝา เพราะการหันหลังคีบหมูกะทะยากมาก
7.ดูฮวงจุ้ยดีๆ คีบถนัด เอื้อมแขนถึง
8.ไม่ควรสั่งเนื้อมากินเพราะเป็น!ใหญ่
9.ไม่ควรสั่งละมั่งมากินเพราะเป็น!สงวน
10.แยกหม้อถ้าไม่กินเนื้อ
11.แยกหม้อถ้าไม่กินผัก
12.แยกกันถ้ามันเรื่องมากนัก
13.เตรียมดอกไม้ไปจากบ้านเพราะจะมีเด็กมาขายและทำให้สียเงิน
14. อย่าเอาดอกกุหลาบที่ซื้อมากำละ 20ไปจีบสาวโต๊ะข้างๆเพราะเป็นการลงทุนต่ำทั้งเงินและสติปัญญา
15.อย่าจีบเด็กเสิร์ฟขณะยกหม้อมา
16.ไม่ควรเปิดเพลง เจ้าตาก ของคาราบาวระหว่างการกินหมูกะทะเพลงเร็วย่างไม่ทันกิน
17.คีบเนื้อให้มั่นคง
18.เพราะในหม้อหมูกะทะเหมืองสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า เนื้อจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
19. หากเนื้อคุณหายให้เอาตะเกียบไปใกล้ๆตะเกียบของเพื่อนร่วมหม้อและคีบเอาเนื้อของมันมา
20.แล้วท่านจะได้เนื้อของท่านคืนมา
21.ไม่ควรกินเหล้าระหว่างการกินหมูกะทะเพราะจะทำให้เมา
22.ถ้าเมาแล้วไม่ควรพยายามขับรถกลับบ้าน
23.หรือขับหมูกะทะกลับบ้าน หรือขับรถกลับหมูกะทะ
24.ถ้าไม่อยากหัวเหม็น เลือกร้านที่โอเพ่นแอร์เท่านั้น
25.ชวนหญิงดูพระจันทร์ในหม้อหมูกะทะจะโรแมนติกมาก
26.นักมวยควรถอดฟันยางก่อนกิน
27.หยุดทำทุกอย่างขณะยกเตามา
28.ไม่จำเป็นต้องกินให้หมดถ้าอิ่ม เพราะไม่ใช่โออิชิ ไม่มีปรับของเหลือ
29.ไม่ต้องปั้นหน้าอร่อยเหมือนพิธีกรรายการ อร่อยบ่ายครายเครียด
30.แยกให้ออกระหว่างหมูกะทะทั่วไปกับหมูกะทะแซบฮัท
31.แยกให้ออกระหว่างหมูกะทะแซบฮัท กับ เดอะหมูกะทะแซบคัมปะนี
32.หลอกเพื่อนไม่กินเนื้อว่านี่คือหมู
33.หลอกเพื่อนไม่กินหมูว่านี่คือผักบุ้ง
34.หยดน้ำมันหอมระเหยลงไปในหม้อหมูกะทะจะมีกลิ่นอ่อนๆเทอราปีช่วยครายเครียด
35.คนผมยาวรวบผมให้ดี ผมสยายลงในจานเนื้อเหม็นมาก
36.โกนหนวดก่อนจะดี เศษจิ้มจุ่มติดหนวดดูเซ็กซี่เกินไป
37.ไปกินหลายๆคน
38.แล้วแย่งกันกิน
39.ร้านที่กินต้องบุฟเฟ่เท่านั้น
40.ร้านแถวรามก็ดีไปเลย
41.แต่อย่าไปเลยถ้าไปกินน้อยกว่า 4คน เพราะจะไม่หนุก
42.เอ่อ...ล้างมือก่อนกิน
43.อ่า...กินเสร็จแล้วล้างมือ
44.อ้อ...การให้ทิป ทำให้พนักงานเสิร์ฟมีกำลังใจสู้ชีวิต
45.อิ่ม เมา ขับ หลับ ไม่ตื่น ^^"
ขอบคุณบทความขำๆแบบนี้จาก
http://modnoi2525.spaces.live.com/blog/cns!5FEABA796EF265C6!868.entry

วันพ่อ

วันพ่อแล้ว
เราทำอะรัยให้พ่อของเรารึยัง?
สำหรับเรา ตั้งใจเรียน และเป็นลูกที่ดีของพ่อตลอดไปจ้า
แต่อย่าลืมพ่อผู้ยิ่งใหญ่ของคนไทยทุกคนนะ พระองค์ทรงดูแลลูกๆกว่า 60 ล้านคน เหนื่อยทั้งกายแต่ไม่เคยเหนื่อยใจ ถ้าหากมีลูกๆค่อบให้กำลังท่านอยู่เสมอ ท่านต้องการเพียงให้ลูกๆของท่านทุกคนรักกัน สามัคคีกัน ไม่ทะเลาะกันเท่านั้นพอ เพียงแค่นี้เราสารถทำให้ท่านได้รึป่าว
เราหวังว่าทุกคนคงมีความสุขที่ได้อยู่กันคุณพ่อ บอกรักคุณพ่อนะ

รักพ่อมากมายค่ะ (ลูกสาว)

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ทุกข์ของชาวนา

ผู้แต่ง : สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ที่มา : หนังสือ มณีพลอยร้อยแสง หมวด ชวนคิดพิจิตรภาษา

จุดมุ่งหมาย : แสดงให้เห็นถึงทุกข์ของชาวนา โดยผ่านบทกวี

ลักษณะคำประพันธ์ : ความเรียง โดยใช้บรรยาโวหาร - สาธกโวหาร

เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจินต์
เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน
ข้าวนี้นะมีรส ให้ชนชิมทุกชั้นชน
เบื้องหลังสิทุกข์ทน และขมขื่นจนเขียวคาว
จากแรงมาเป็นรวง ระยะทางนั้นเหยียดยาว
จากรวงเป็นเม็ดพราว ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ
เหงื่อหยดสักกี่หยาด ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น
ปูดโปนกี่เส้นเอ็น จึงแปรรวงมาเป็นกิน
น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง และน้ำแรงอันหลั่งริน
สายเลือดกูทั้งสิ้น ที่สูซดกำซาบฟัน

บทกวีของ จิตร ภูมิศักดิ์
แทนตนเองว่าเป็นชาวนา ที่เรียกร้องความเสมอภาค และแสดงถึงความยากลำบาก แสนสาหัส ในการทำนา ปลูกข้าว ให้ทุกคนกิน ความช่วยเหลือที่สังคมมีต่อชาวนาในด้านปัจจัยการผลิต การพยุงหรือประกันราคา การรักษาความยุติธรรมก็แทบเป็นไปไม่ได้ ทำให้ชาวนาต่างก็ละทิ้งอาชีพเกษตรกรรม ไปอยู่ในภาคอุตสาหกรรมหรือภาคบริการ แต่ก็ยังมีชาวนาอีกจำนวนหนึ่ง ที่จะขยับขยายตัวเองให้อยู่ในสถานะดีขึ้น ด้วยการปลูกข้าวให้คนอื่นกินต่อไป
ความเหน็ดเหนื่อยของชาวนาไม่ว่ายุคใดสมัยใดชาวนาก็ยังคงเหน็ดเหนื่อยเหมือนเดิม แต่อาจจะน้อยลง แต่สิ่งที่แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย คือ ความมีความจน แม้ว่าปัจจุบันราคาข้าวจะสูงขึ้น หลายคนหวังว่าชาวนาคงมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ก็เปล่า คนที่มีชีวิตที่ดีขึ้นและรวยขึ้น คือ พ่อค้าคนกลาง เมื่อราคาข้าวขึ้น ปุ๋ย ยา น้ำมัน ทุกอย่างก็พากันขึ้นอย่างไม่ลืมหูลืมตา

...............................................
หว่านข้าวในฤดูใบไม้ผลิ ข้าวเมล็ดหนึ่ง
จะกลายเป็นหมื่นเมล็ดในฤดูใบไม้ร่วง
รอบข้างไม่มีนาที่ไหนทิ้งว่าง
แต่ชาวนาก็ยังอดตาย
ตอนอาทิตย์เที่ยงวัน ชาวนายังพรวนดิน
เหงื่อหยดบนดินภายใต้ต้นข้าว
ใครจะรู้บ้างว่าในจานใบนั้น
ข้าวแต่ละเม็ดคือความยากแค้นแสนสาหัส


บทกวีของ หลี่เชิน
บรรยายภาพอย่างเรียบง่าย แต่แสดงความขัดแย้ง ชาวนาที่ปลูกข้าวมากมาย จนไม่มีที่นาว่าง แต่ชาวนาก็ยังอดตาย มีการใช้โวหารปฏิพากย์ คือ แสดงความขัดแย้ง เช่น รอบข้างไม่มีนาที่ไหนทิ้งว่าง แต่ชาวนาก็ยังอดตาย แม้ว่าสภาพบ้านเมืองในเวลานี้จะเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ก็ไม่มีอะไรแตกต่างมากนัก เรื่องความทุกข์ของชาวนายังคงเป็นแรงสร้างความสะเทือนใจต่อไป

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

homework

If everybody in the world could have exactly what he or she wanted, would the world be better place?

In my opinion, if everybody in the world could have exactly what he or she wanted, the world wouldn't be better place. Because, if they get something is same. It will cause trouble to contest between someone and someone. If somebody want to do something is wrong with the world. Sure! it has effected with the world. And make another people trouble.
...............................................
Is it the better to get what you want or want what you get?

In my opinion, get what you want better than want what you get. Because, if you get something that you want, you will be happy. Just the same, what want you get. You might do everything for get it comes to you. Ex, you might use ability or some trick! Something you want to get but, you can't get it. You will be sad or disapointed.

สำนวนในการแต่ง และ Grammar อาจมีผิดพลาดกันไปบ้าง ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ Thx.=w=*

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เทศกาลลอยกระทง

ประวัติความเป็นมา
คติที่มาเกี่ยวกับวันลอยกระทงมีอยู่หลายตำนาน ดังนี้
1. การลอยกระทง เพื่อขอขมาแก่พระแม่คงคา
2. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้าตามคติพราหมณ์ คือบูชาพระนารายณ์ซึ่งบรรทมสินธุ์อยู่ในมหาสมุทร
3. การลอยกระทง เพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้า ในวันเสด็จกลับจากเทวโลก เมื่อครั้งเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อทรงเทศนาอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา
4. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระพุทธบาท ของพระพุทธเจ้า ที่หาดทรายริมแม่น้ำนัมมทานที เมื่อคราวเสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ
5. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระจุฬามณีบนสวรรค์ ซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า
6. การลอยกระทง เพื่อบูชาท้าวพกาพรหม บนสวรรค์ชั้นพรหมโลก
7. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระอุปคุตตะเถระ ซึ่งบำเพ็ญเพียรบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล

ประวัติการลอยกระทงในเมืองไทย
การลอยกระทงในเมืองไทย มีมาตั้งแต่ครั้งสุโขทัย เรียกว่า การลอยพระประทีป หรือ ลอยโคม เป็นงานนักขัตฤกษ์รื่นเริงของประชาชนทั่วไป ต่อมานางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์สนมเอกของพระร่วง ได้คิดประดิษฐ์ดัดแปลงเป็นรูปกระทงดอกบัวแทนการลอยโคม การลอยกระทงหรือลอยโคมในสมัยนางนพมาศ กระทำเพื่อเป็นการสักการะรอยพระพุทธบาทที่แม่น้ำนัมมทานที ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหนึ่งอยู่ในแคว้นทักขิณาบถของประเทศอินเดีย ปัจจุบันเรียกว่า แม่น้ำเนรพุททา

การลอยกระทงเพื่อบูชารอยพระพุทธบาท
รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ที่ไปปรากฏอยู่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที มีความเป็นมาเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ คือ ครั้งหนึ่งพญานาคทูลอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ เมื่อพระองค์จะเสด็จกลับ พญานาคทูลขออนุสาวรีย์ไว้กราบไหว้บูชา พระพุทธองค์จึงทรงประดิษฐานรอบพระพุทธบาทไว้ที่หาดทราย ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที เพื่อให้บรรดานาคทั้งหลายได้สักการะ บูชาการลอยกระทงที่มีความเป็นมาเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ ยังมีอีก 2 เรื่อง คือ 1. การลอยกระทงเพื่อบูชาพระจุฬามณีบนสวรรค์ และ 2. การลอยกระทงเพื่อต้อนรับพระพุทธองค์ในวันที่เสด็จกลับจากเทวโลก

ตำนานการลอยกระทงเพื่อบูชาพระจุฬามณี
เมื่อครั้งที่เจ้าชายสิทธัตถะ เสด็จออกจากพระนครกบิลพัสดุ์ในเวลากลางคืนด้วยม้ากัณฐกะ พร้อมนายฉันทะมหาดเล็กผู้ตามเสด็จ ครั้นรุ่งอรุณก็ถึงฝั่งแม่น้ำอโนมานที เจ้าชายทรงขับม้ากัณฐกะกระโจนข้ามแม่น้ำไปโดยสวัสดีเมื่อทรงทราบว่าพ้นเขตกรุงกบิลพัสดุ์แล้ว เจ้าชายสิทธัตถะจึงเสด็จลงประทับเหนือหาดทรายขาวสะอาด ตรัสให้นายฉันทะนำเครื่องประดับและม้ากัณฐกะกลับพระนคร ทรงตั้งพระทัยปรารภจะบรรพชา โดยเปล่งวาจา "สาธุ โข ปพฺพชฺชา" แล้ว จึงทรงจับพระเมาลีด้วยพระหัตถ์ซ้าย พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ตัดพระเมาลี แล้วโยนขึ้นไปบนอากาศ พระอินทร์ได้นำผอบทองมารองรับพระเมาลีไว้ และนำไปบรรจุยังพระจุฬามณีเจดียสถานในเทวโลกพระจุฬามณีตามปกติมีเทวดาเหาะมาบูชาเป็นประจำแม้พระศรีอริยเมตไตรยเทวโพธิสัตว์ซึ่งในอนาคต จะมาจุติบนโลกและตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งก็ยังเสด็จมาไหว้ การลอยกระทงเพื่อบูชาพระจุฬามณี จึงถือเป็นการไหว้บูชาพระศรีอริยไตรยด้วย

ตำนานการลอยกระทง เพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากเทวโลก
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบวชจนได้บรรลุธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว หลังจากเผยพระธรรมคำสั่งสอนแก่สาธุชนโดยทั่วไปได้ระยะหนึ่ง จึงเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อทรงเทศนาธรรมโปรดพระพุทธมารดา ครั้งจำพรรษาจนครบ 3 เดือน พระองค์จึงเสด็จกลับลงสู่โลกมนุษย์ เมื่อท้าวสักกเทวราชทราบพุทธประสงค์ จึงเนรมิตบันไดทิพย์ขึ้น อันมี บันไดทอง บันไดเงิน และบันไดแก้ว ทอดลงสู่ประตูเมืองสังกัสสนคร บันไดแก้วนั้นเป็นที่ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จลง บันไดทองเป็นที่สำหรับเทพยดาทั้งหลายตามส่งเสด็จ บันไดเงินสำหรับพรหมทั้งหลายส่งเสด็จในการเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ครั้งนี้ เหล่าทวยเทพและประชาชนทั้งหลาย ได้พร้อมใจกันทำ การสักการบูชาด้วยทิพย์บุปผามาลัย การลอยกระทงตามคตินี้ จึงเป็นการรับเสด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากดาวดึงส์พิภพ (เป็นตำนานเดียวกับประเพณีการตักบาตรเทโวรับเสด็จพระพุทธองค์ลงจากดาวดึงส์)

การลอยกระทง เพื่อบูชาพระนารายณ์บรรทมสินธุ์
ยังมีพิธีการลอยกระทงตามคติพราหมณ์อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งกระทำเพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้า คือ พระนารายณ์ที่บรรทมสินธุ์อยู่ในมหาสมุทร นิยมทำกันในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 หรือ วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 เป็น 2 ระยะ จะทำในกำหนดใดก็ได้

ตำนานการลอยกระทง เพื่อบูชาท้าวพกาพรหม
นิทานต้นเหตุเกี่ยวกับอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นนิทานชาวบ้าน กล่าวถึงเมื่อครั้งดึกดำบรรพ์ มีกาเผือกสองตัวผัวเมียทำรังอยู่บนต้นไม้ในป่าหิมพานต์ใกล้ฝั่งแม่น้ำ วันหนึ่งกาตัวผู้ออกไปกากินแล้วหลงทานกลับรังไม่ได้ ปล่อยให้นางกาตัวเมียซึ่งกกไข่อยู่ 5 ฟองรอด้วยความกระวนกระวายใจ จนมีพายุใหญ่พัดรังกระจัดกระจาย ฟองไข่ตกลงน้ำ แม่กาถูกลมพัดไปทางหนึ่ง เมื่อแม่กาย้อนกลับมามีรังไม่พบฟองไข่ จึงร้องไห้จนขาดใจตาย ไปเกิดเป็นท้าวพกาพรหมอยู่ในพรหมโลก ฟองไข่ทั้ง 5 นั้นลอยน้ำไปในสถานที่ต่างๆ บรรดาแม่ไก่ แม่นาค แม่เต่า แม่โคและแม่ราชสีห์ มาพบเข้า จึงนำไปรักษาไว้ตัวละ 1 ฟอง ครั้งถึงกำหนดฟักกลับกลายเป็นมนุษย์ทั้งหมดไม่มีฟองไหนเกิดมาเป็นลูกกาตามชาติกำเนิดเลย กุมารทั้ง 5 ต่างเห็นโทษภัยในการเป็นฆราวาสและเห็นอานิสงส์ในการบรรพชา จึงลามารดาเลี้ยงไปบวชเป็นฤาษีทั้ง 5 ได้มีโอกาสพบปะกันและถามถึงนามวงศ์และมารดาของกันและกัน จึงทราบว่าเป็นพี่น้องกัน ฤาษีทั้ง 5 มีนามดังนี้ คนแรก ชื่อ กกุสันโธ (วงศ์ไก่) คนที่สอง ชื่อ โกนาคมโน (วงศ์นาค) คนที่สาม ชื่อ กัสสโป (วงศ์เต่า) คนที่สี่ ชื่อ โคตโม (วงศ์โค) คนที่ห้า ชื่อ เมตเตยโย (วงศ์ราชสีห์) ต่างตั้งจิตอธิษฐาน ว่าถ้าต่อไปจะได้ไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้า ขอให้ร้อนไปถึงมารดา ด้วยแรงอธิษฐาน ท้าวพกาพรหมจึงเสด็จมาจากเทวโลก จำแลงองค์เป็นกาเผือก แล้วเล่าเรื่องราวแต่ทนหลังให้ฟัง พร้อมบอกว่าถ้าคิดถึงมารดา เมื่อถึงเพ็ญเดือน 11 เดือน 12 ให้เอาด้ายดิบผูกไม้ตีนกา ปักธูปเทียนบูชาลอยกระทงในแม่น้ำ ทำอย่างนี้เรียกว่าคิดถึงมารดา แล้วท้าวพกาพรหมก็ลากลับไป ตั้งแต่นั้นมา จึงมีการลอยกระทงเพื่อบูชาท้าวพกาพรหม แล้วเพื่อบูชารอยพระบาท ซึ่งประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที ส่วนฤาษีทั้ง 5 ต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ดังนี้ ฤาษีองค์แรก กกุสันโธ ได้แก่ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระกกุสันโธ ฤาษีองค์ที่สอง โกนาคมโน ได้แก่ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระโกนาคมน์ ฤาษีองค์ที่สาม กัสสโป ได้แก่ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระกัสสปะ ฤาษีองค์ที่สี่ โคตโม ได้แก่ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระสมณโคดม ฤาษีองค์ที่ห้า เมตเตยโย ได้แก่ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรยพระพุทธเจ้า 3 พระองค์แรก ได้มาบังเกิดบนโลกแล้วในอดีตกาล พระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 คือ พระพุทธเจ้าที่จะมาบังเกิดบนโลกในอนาคต ได้แก่ พระศรีอาริยเมตไตรย

ตำนานการลอยกระทง เพื่อบูชาพระอุปคุตต์
การลอยกระทงเพื่อบุชาพระอุปคุตต์นี้ เป็นประเพณีของชาวเหนือและชาวพม่า พระอุปคุตต์เป็นพระอรหันต์เถระหลังสมัยพุทธกาล โดยมีตำนานความเป็นมาดังนี้เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้โปรดให้สร้างพระสถูปเจดีย์และพุทธวิหารขึ้นทั่วชมพูทวีป มหาวิหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ "อโศการาม" ซึ่งตั้งอยู่ในเขตแคว้นมคธ หลังจากที่สร้างพระสถูปเจดีย์ถึง 84,000 องค์สำเร็จแล้ว พระเจ้าอโศกทรงมีพระราชประสงค์จะนำพระบรมสารีริกธาตุของสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปบรรจุในในพระสถูปต่างๆ และบรรจุในพระมหาสถูปองค์ใหญ่ที่สร้างขึ้นใหม่มีความสูงประมาณครึ่งโยชน์ และประดับประดาด้วยแก้วต่างๆ ประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคาให้ปาฎลีบุตร อีกทั้งต้องการให้มีการเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่เป็นเวลา 7 ปี 7 เดือน 7 วันแต่ด้วยเกรงว่าพญามารจะมาทำลายพิธีฉลอง มีเพียงพระอุปคุตต์ที่ไปจำศีลอยู่ในสะดือทะเลเพียงท่านเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถปราบพญามารได้ เมื่อพระอุปคุตต์ปราบพญามารจนสำนึกตัวหันมายึดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแล้ว พระอุปคุตต์จึงลงไปจำศีลอยู่ในสะดือทะเลตามเดิมพระอุปคุตต์นี้ไทยเรียกว่า พระบัวเข็ม ชาวไทยเหนือหรือชาวอีสานและชาวพม่านับถือพระอุปคุตต์มาก ชาวพม่าไม่ว่าจะมีงานอะไรเป็นต้องนิมนต์มาเช้าพิธีด้วยเสมอ ไทยเราใช้บูชาในพิธีขอฝนหรือพิธีมงคล ฯลฯ

การลอยกระทงของชาวเหนือ (ยี่เป็ง)
การลอยกระทงของชาวเหนือ นิยมทำกันในเดือนยี่เป็ง (คือเดือนยี่หรือเดือนสอง เพราะนับวันเร็วกว่าของเรา 2 เดือน) เพื่อบูชาพระอุปคุตต์ซึ่งเชื่อกันว่าท่านบำเพ็ญบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึก หรือสะดือทะเล ตรงกับคติของชาวพม่า

การลอยกระทงของชาวอีสาน (ไหลเรือไฟ)
การลอยกระทงในภาคอีสาน เรียกว่าเทศกาลไหลเรือไฟจัดเป็นประเพณียิ่งใหญ่ในจังหวัดนครพนม โดยการนำหยวกกล้วยหรือวัสดุต่างๆ มาตกแต่งเป็นรูปพญานาคและรูปอื่นๆ ตอนกลางคืนจุดไฟปล่อยให้ไหลไปตามลำน้ำโขงดูสวยงามตระการตานอกจากนี้ยังมีประเพณีลอยกระทงในประเทศต่างๆ เช่นที่เขมร จีน อินเดีย โดยมีคติความเชื่อและประวัติความเป็นมาตรงกันบ้างแตกต่างกันไปบ้าง

การลอยกระทงในปัจจุบัน
การลอยกระทงในปัจจุบัน ยังคงรักษารูปแบบเดิมเอาไว้ได้ตามสมควร เมื่อถึงวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงในเดือน 12 ชาวบ้านจะจัดเตรียมทำกระทงจากวัสดุที่หาง่ายตามธรรมชาติ เช่น หยวกกล้วยและดอกบัว นำมาประดิษฐ์เป็นกระทงสวยงาม ปักธูปเทียนและดอกไม้เครื่องสักการบูชา ก่อนทำการลอยในแม่น้ำก็จะอธิษฐานในสิ่งที่มุ่งหวัง พร้อมขอขมาต่อพระแม่คงคาตามคุ้มวัดหรือสถานที่จัดงานหลายแห่ง มีการประกวดกระทง ประกวดนางนพมาศ และมีมหรสพสมโภชในตอนกลางคืน นอกจากนั้นยังมีการจุดดอกไม้ไฟ พลุ ตะไล ซึ่งในการเล่นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษวัสดุที่นำมาใช้กระทง ควรเป็นของที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายตามธรรมชาติ

เทศกาลเผาเทียนเล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย
งานลอยกระทงที่ยิ่งใหญ่จัดขึ้นที่จังหวัดสุโขทัยเป็นงานระดับประเทศ เรียกว่า เทศกาลเผาเทียนเล่นไฟ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศไปร่วมสนุกสนานกันเป็นประจำมากทุกปี

พิธีจองเปรียงเทศกาลลอยกระทงของสุโขทัยในสมัยโบราณ
ในหนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ได้กล่าวถึงพิธีจองเปรียงไว้ดังนี้พอถึงการพระราชพิธีจองเปรียงในวันเพ็ญเดือน 12 เป็นนักขัตฤกษ์ชักโคมลอยบรรดาประชาชนชายหญิงต่างตกแต่งโคมชักโคมแขวนโคมลอยทุกตระกูลทั่วทั้งพระนคร แล้วก็ชวนกันเล่นมหรสพสิ้นสามราตรีเป็นเยี่ยงอย่าง แต่บรรดาข้าเฝ้าฝ่ายราชบุรุษนั้น ต่างทำโคมประเทียบบริวารวิจิตรด้วยลวดลายวาดเขียนเป็นรูปสัณฐานต่างๆ ประกวดกันมาชักมาแขวนเป็นระเบียบเรียบราบตามแนวโคมชัยเสาระหงตรงหน้าพระที่นั่งชลพิมาน ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงพระราชอุทิศสักการพระมหาเกศธาตุจุฬามณีในชั้นดาวดึงส์ฝ่ายพระสนมกำนัลก็ทำโคมลอยร้อยด้วยบุปผชาติเป็นรูปต่างๆ ประกวดกันถวายให้ทรงอุทิศบูชาพระพุทธบาทซึ่งประดิษฐานยังนัมมทานทีแลข้าน้อย(นางนพมาศ) ก็กระทำโคมลอยคิดตกแต่งให้งามประหลาดกว่าโคมพระสนมกำนัลทั้งปวง ครั้นเวลาพลบค่ำ สมเด็จพระร่วงเจ้าเสด็จลงพระที่นั่งชลพิมานพร้อมด้วยอัครชายา พระบรมวงศ์และพระสนมกำนัลนางท้าวชาวชะแม่ทั้งปวง พราหมณ์ก็ถวายเสียงสังข์อันเป็นมงคล ชาวพนักงานก็ชักสายโคมชัยโคมประเทียบบริวารขึ้นพร้อมกัน เพื่อจะให้ทรงพระราชอุทิศสักการบุชาพระจุฬามณี ฝ่ายนางท้าวชาวชะแม่ก็ลอยโคมพระราชเทพี พระวงศานุวงศ์โคมพระสนมกำนัล ก็เป็นลำดับกันลงมา ถวายให้ทอดพระเนตรและทรงพระราชอุทิศ ครั้นถึงโคมรูปดอกกระมุทของข้าน้อย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดพระเนตร พลางทางตรัสชมว่าโคมลอยอย่างนี้วามประหลาด ยังหาเคยมีไม่ เป็นโคมของผู้ใดคิดกระทำ ท้าวศรีราชศักดิโสภาก็กราบบังคมทูลว่าโคมของนพมาศธิดาพระศรีมโหสถ..... ครั้นสมเด็จพระร่วงเจ้าทรงสดับ ก็ดำรัสว่าข้าน้อยนี้มีปัญญาฉลาดสมกับที่เกิดในตระกูลนักปราชญ์..... จึงมีพระราชบริหารบำหยัดสาปสรรว่า แต่นี้สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศ ถึงการกำหนดนักขัตฤกษ์วันเพ็ญเดือน 12 พระราชพิธีจองเปรียงแล้วก็ให้กระทำโคมลอยเป็นรูปดอกกระมุทอุทิศ สักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานทีตราบเท่ากัลปาวสาน อันว่าโคมลอยรูปดอกกระมุท (ดอกบัว) ก็ปรากฏมาจนเท่าทุกวันนี้

บทส่งท้าย
ประเพณีการลอยกระทง น่าจะเป็นคติของชนชาติที่ประกอบกสิกรรม ซึ่งต้องมีน้ำเป็นปัจจัยสำคัญ เมื่อพืชพันธุ์ธัญญาหารเจริญงอกงามอุดมสมบูรณ์ จึงมีการลอยกระทงไปตามกระแสน้ำ เพื่อขอบคุณพระแม่คงคาหรือเทพเจ้าแห่งน้ำ อีกทั้งเป็นการแสดงความคารวะขออภัยที่ได้ลงอาบ หรือปล่อยสิ่งปฏิกูลลงน้ำ ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งเป็นการบูชาเทพเจ้าตลอดจนรอยพระพุทธบาท พระเจดีย์จุฬามณีฯลฯ ตามคติความเชื่อ หลังจากทำพิธีลอยกระทงแล้ว ก็จัดให้มีการละเล่นรื่นเริงสนุกสนาน เช่น การละเล่นพื้นเมือง การเล่นเพลงเรือ รำวงฯลฯ อันเป็นธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณ
ความมุ่งหมายของการลอยกระทงมีอยู่หลายประการ เช่น การขอขมาต่อพระแม่คงคาการบูชารอบพระพุทธบาท การลอยเคราะห์โรคภัยและทุกข์โศกให้ไหลไปกับสายน้ำ ฯลฯ กิจกรรมดังกล่าวนี้จะจัดขึ้นในเดือน 12 โดยนับวันตามจันทรคติ หรือราวเดือนพฤศจิกายนกิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันลอยกระทง
1. นำกระทงไปลอยตามแม่น้ำลำคลอง หรือตามแหล่งน้ำที่มีการจัดพิธี
2. ให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ในวันลอยกระทง เช่น การประกวดกระทง ประกวดนางนพมาศ การละเล่นพื้นเมือง เช่น รำวง เพลงเรือ เพื่อสืบสานวัฒนธรรมไทย
3. จัดนิทรรศการ หรือพิธีการลอยกระทง เพื่อเผยแพร่และอนุรักษ์ประเพณีไทย
4. จัดรณรงค์ให้มีการใช้วัสดุจากธรรมชาติมาทำกระทง เพื่อไม่ให้เกิดมลภาวะแก่แม่น้ำลำคลอง
ขอขอบคุณบทความดีๆจาก
http://www.banfun.com/culture/loykrathong2.html

วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Halloween

ประวัติความเป็นมา วัน Halloween

ประเพณีนี้ได้รับการสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน นับว่าเป็นวันสำคัญอันหนึ่งของคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก ซึ่งพจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล แห่งราชบัณฑิตสถานได้จัดทำคำอธิบายถึงประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจของ "ฮัลโลวีน" ไว้ดังนี้ ในคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก Halloween เป็นคำภาษาอังกฤษ เพี้ยนมาจากคำ All Hallows Eve ซึ่งแปลว่าวันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย โดยวิธีตัดต่อ Hallow + Eve = Halloween คำ Hallow เป็นคำแองโกลแซกซัน แปลว่าคำให้ศักดิ์สิทธิ์ ตรงกับภาษาเยอรมันว่า heiligen ในปัจจุบันนิยมใช้คำมาจากภาษาละตินว่า sanctify คำ Hallow ยังมีใช้ในบทสวดอธิษฐานเก่าๆ เช่น Hallowed be thy Name (ขอพระนามจงเป็นที่สักการะ) คำ Hallow ยังแปลว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นักบุญ คำ All Hallowmas จึงแปลว่า วันสมโภชนักบุญทั้งหลายในปัจจุบันใช้คำว่า All Saints Day คู่กับ Christmas ซึ่งแปลว่า วันสมโภชพระคริสต์หรือคริสต์มาสนั่นเอง วันก่อนวันสมโภชคริสต์มาสมี Chrismas Eve ที่นิยมเรียกว่า คืน (ก่อน) คริสต์มาส วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลายก็มี All Hallowmas Eve ซึ่งต่อมาย่อเป็น Halloween โดยมีงานรื่นเริงและพิธีกรรมทางศาสนาเช่นเดียวกับคืนคริสต์มาสชาวคาทอลิกพร้อมใจกันเลื่อนพิธีกรรมทางศาสนาไปหลังวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย และเรียกว่า วันวิญญาณในแดนชำระ (All Souls Day) เพื่อให้คู่กับวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints Day)
ทำไม วันฮาโลวีน ถึงเป็นวันที่ 31 ตุลาตม

ประวัติความเป็นมาอีกฉบับหนึ่ง ให้คำอธิบายถึงที่มาที่ไปของวันนี้ได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว เป็นความเชื่อของชาวเซ็ลต์ (Celt) เป็นกลุ่มชนพื้นเมืองในประเทศอังกฤษ โดยเชื่อว่าทุกวันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี จะเป็นวันที่ประตูนรกถูกเปิดขึ้นมา บรรจบกับมิติโลกมนุษย์กันอย่างพอดี ทำให้เหล่าวิญญาณพยายามหาทางเข้าสิงมนุษย์ ซึ่งวิธีการแก้ไขเพื่อป้องกันไม่ให้วิญญาณเข้าสิงคือ "การปลอมตัว" ทำตัวเป็นผีเสียเอง ด้วยการตกแต่งต่างๆ นานาให้ดูน่ากลัวที่สุด เทียนและระบบทำความร้อนก็จะถูกดับ เพื่อให้ร่างกายเกิดความหนาวเย็นเปรียบเสมือนร่างกายที่ไร้ซึ่งชีวิต ส่วนบ้านเรือนจะถูกตกแต่งให้ดูน่าสะพรึงกลัว และผู้คนต่างส่งเสียงเพื่อทำการขับไล่เหล่าวิญญาณชั่วร้ายอีกทีนึง ทั้งนี้ หลายคนต่างสงสัยว่าทำไมสัญลักษณ์ของวันฮัลโลวีน ถึงเป็นหัวฟักทองแกะสลักสีส้ม เจ้าฟักทองนั้นมีชื่อว่า Jack O Lanterns เป็นตำนานของชาวไอริช ที่เป็นนักมายากลขี้เมาและได้ทำข้อตกลงกับปีศาจตนหนึ่ง ในกรณีที่เขาเสียชีวิตแล้ว เขาขอเพียงแค่ไม่ไปทั้งสวรรค์หรือนรก เมื่อถึงคราวชีพจรดับปีศาจตนนั้นจึงมอบถ่านอันคุกรุ่นให้แก่ Jack เขาจึงนำไปใส่ไว้ในหัวผักกาดเพื่อคอยปัดเป่าความหนาวเย็น ต่อมาชาวไอรีชจึงแกะหัวผักกาด และนำถ่านมาใส่เช่นกันเพื่อเป็นสิริมงคลในการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายตลอดทั้งปี เมื่อกาลเวลาผ่านไปประเพณีดังกล่าวเริ่มแพร่หลายไปสู่ประเทศอเมริกา แต่หัวผักกาดเป็นสิ่งที่หายาก จึงนำลูกฟักทองมาแกะสลักแทน และนี่คือจุดเริ่มต้นของสัญลักษณ์สีส้ม และสีดำ ทั้งนี้ สีดำบ่งบอกถึงความมืดมิดช่วงเวลากลางคืน ส่วนสีส้มคือแสงสว่างที่ลุกโชติ เพื่อขับไล่ปีศาจนั่นเอง

ขอขอบคุณ http://www.educatepark.com/story/festival/halloween.php



วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เปิดเทอมแล้ว

ดีจ้าเพื่อนๆทุกๆคน
เปิดเทอมแล้วจ้า นี่ก็วันที่ 3 แล้วที่มาโรงเรียน ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เพื่อนๆที่น่ารัก คุณครูที่มีพระคุณ และการเรียนพิเศษเกือบทุกวัน เป็นอะไรที่เรียกว่า"น่าเบื่อ"ก็ไม่ได้นะคะ เพราะทุกอย่างที่เราต้องทำนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ต่อตัวเราทั้งสิ้น
ก็ขอให้เพื่อนๆทุกๆคน สู้สู้!!! นะค่ะ บายจ้า ^^

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เกร็ดน่ารู้ 5 วิธี ตั้งรับ "เพื่อน" ขี้อิจฉา

เข้างานพร้อมกัน ถ้าเราไปได้ดีก่อน ต้องมีคนคอยอิจฉาแน่นอน สะกิด มีวิธีตั้งรับ พวกเพื่อนๆขี้อิจฉามาฝากค่ะ

1. ยอมรับว่ามันเกิดขึ้นแล้ว : ขอให้ตั้งสติและยอมรับว่าเรื่องนี้มันได้เกิดขึ้นกับเราแล้ว เพื่อที่จะได้กลับมาทบทวนหาหนทางแก้ไขต่อไป
2. ปล่อยมันไป เมื่อทำใจได้แล้ว : เพราะถ้าหากเราคือเพชรแท้…อยู่ที่ไหนก็ยังคงเปล่งประกายวันยังค่ำ… ปล่อยให้พวกกรวด หิน ดิน ทราย ขี้อิจฉาทั้งหลายแพ้ภัยตัวเองกันไป แล้วกัน
3. เอาชนะด้วยความดี : หากอยากจะเอาชนะศัตรู ก็จงเอาชนะด้วยความดี แล้วสักวันหนึ่ง เขาอาจจะเสียใจที่เคยคิดอิจฉาคนดีๆ อย่างเรา
4. ทุ่มเทให้กับงาน : อย่ามัวแต่หมกมุ่นครุ่นคิดอยู่กับเรื่องจุกจิกพรรค์นี้ จนกลายเป็นอุปสรรคให้ต้องเสียงานเสียการ
5. ปรับความเข้าใจ : ลองหาช่วงเวลาเหมาะๆ เข้าไปนั่งจับเข่าคุยกัน เปิดอกเคลียร์ปัญหาด้วยการเริ่มต้นเจรจา อย่างสุภาพและต้องใจกว้างพอเมื่อถูก วิจ ารณ์จากคู่กรณี อย่าเพิ่งจี๊ดจนไฟออกหู ถ้าอยากปรับความเข้าใจกัน

วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เกมส์

การเล่นเกมส์ คือ การผ่อนคลายรูปแบบหนึ่ง เป็นการลับสมองไปในตัว ซึ่งผู้ใหญ่หลายคนอาจคิดว่า ไร้สาระ ซึ่งพวกเขาก็เล่นอยู่ ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว แต่ทุกคนย่อมรู้แก่ใจว่าตนได้ประโยชน์หรือโทษ การเล่นเกมส์สร้างประโยชน์หลายอย่าง แต่หากเล่นแบบไม่ใช้ความคิดและไม่พร้อมก็สร้าง โทษมหัณต์ประโยชน์ของการเล่นเกมส์
ประโยชน์ของการเล่นเกมส์
• ผ่อนคลาย
• ฝึกสมอง
• ฝึกการเข้าสังคม
• บริหารนิ้วมือ ข้อมือ เคลื่อนไหว

โทษของการเล่นเกมส์
• เกิดการปวดตา ปวดคอ นิ้วเกร็ง ถ้าเล่นนานเกินควร
• หากเล่นไม่ถูกเวลาอาจบั้นทอนตนเอง เช่น พรุ่งนี้สอบยังจะไปนั่งเล่นเกมส์(เล่นได้ในกรณี ผ่อนคลาย)
• เล่นแล้วมักเกิดอาการติดลม
• เล่นจนควมคุมตัวเองไม่อยู่
• อินกับมันมากเกิน

การเล่นเกมส์ควรจะมีขอบเขต ก่อนเล่นควรตั้งคำถามว่า พร้อมที่จะเนจริง รึเปล่า ห้ามหลอกตัวเอง ถ้าไม่อยากจริงๆ อย่าไปเล่นเกิดแต่โทษทั้งนั้น ตั้งเวลาก่อนเล่นว่าจะเล่นนานเท่าไหร่ และซื่อสัตย์ในตนเอง ห้ามคิดว่าจะ แพ้ ชนะ เพราะอาจทำให้เกิดความคิดแก้มือ

เล่นเกมส์อย่างไรให้มีคุณค่า
• เล่นอย่างมีสติ ควรเล่นแบบใช้สมองไม่ใช่ใช้อารมณ์เจอไม่ถูกใจก็ใส่อารมณ์เข้าไปเต็มที่ เห็นได้บ่อยๆ ในดอทเอนี่แหละ
• เล่นอย่างใช้สมอง ใช้สมองก่อนตัดสินใจทำอะไรๆ ลง ไปไม่ว่าจะพิมพ์แม้แต่กดตัวเดินต้องใช้ สมองคิดให้รอบคอบ คิดไตร่ตรองก่อนทำทุกอย่างกดเข้าเกมส์คุณยังควรคิดเลย
• เล่นอย่างมีสมาธิ ในเมื่อเราเล่นแล้วควรใส่ใจกับมัน หากเราไม่มีอารมณ์เล่น ก็ไม่ควรจะเล่นมัน มีแต่จะเสียกับเสีย
• เล่นอย่างถูกเวลา เล่นในเวลาที่ควร โดยปกติผู้คนมักจะเกิดอาการที่เรียกว่า อยาก แต่ความอยาก ควรสร้างระยะแต่ตอบสนองความต้องการ เมื่อเริ่มเกิดความรู้สึกเซ็ง ให้เลิกทันที เวลาที่เล่น ควรเหมาะสม ไม่ควรเกิน 3 ชม. ติดต่อกัน ตอนเข้าดอทเอเคยอ่านไหม เวลาสอบหรือมีธุระให้ ลืมมันไปเลย จะทำให้เรารู้สึกดีกว่า
• เล่นแล้วต้องไม่เครียด ขึ้นชื่อว่าเกมสื เราควรเล่นอยากผ่อนคลาย หากเราซีเรียสแล้วการเล่นครั้งนี้ จะสร้างโทษมากมาย อารมณ์คุณอาจค้าง ไปทั้งวัน อาจทำสิ่งต่างๆในวันนี้ไม่ดีเลย ยังทำให้รู้สึกหงุดหงิน โมโห ซึ่งนั้น คือโทษทั้งสิ้น
• เล่นแล้วตัวเองต้องรู้สึกสบายใจ ควรตั้งท่าทางในการเล่นที่ถูกต้อง เพระาทำให้รู้สึกเมื่อยล้า และไม่มีประสิทธิภาพที่ ดีพอในการเล่น จะรู้ได้อย่างไรว่าเราติดเกมส์รึเปล่า อาการทั่วไปของคนติดเกมส์ คือ
• เวลาเห็นคนอื่นเล่นมักอยากบ้าง
• มักมีเรื่องเกมส์แวบมาในหัวตอนทำอะไรต่อมิอะไรอยู่
• เกินอาการกระสับกระส่ายหากไม่ได้เล่น
• หากมีเวลาเล่นมักจะเล่นอย่างไม่รีรอ
• เมื่อมีอะไรมาขัดขณะเล่นอารมณ์จะเสียมาก จากข้างต้นหากคุณมีอาการดังกล่าว เกิน 2ข้อนั้นแหละคุณโดนมันเล่นแล้ว

ปัจจัยการติดเกมส์
1. ร้านเกมส์มีอิทธิพลมากเพระาเด็กๆส่วนใกญ่มักใช้เวลากับมัน จนถูกมองเป็นการมั่วสุม
2. พ่อแม่ ผู้ปกครอง ไม่มีการอบรมณ์สั่งสอนที่ดีจนถูกกลายเป็นเด็กติดเกมสืไป
3. ตัวคนนั้นๆเอง ไม่มีความสามารถในการคุมตัวเองที่ดีพอ
4. ผู้ให้บริการ มักใช้เด็กเป็นช่องทางหารายได้
5. คอนเซปของเด็กไทย ของฟรี มีไว้ใช้

การแก้อาการติดเกมส์
• หาเวลาทำอย่างอื่นเมื่อเกิดอาการอยาก เช่น อ่านหนังสือ ดูทีวี ฟังเพลง เข้าเว็บ ที่ไม่มีเนื้อหาด้านเกมส์
• ควรลดเวลาเล่นลงเรื่อยๆ ไม่ใช่ตัดไปเลย เพราะนั้นจะไม่ทำให้หายขาด
• หากมีความคิดเรื่องเกมส์เข้ามาให้หาคนคุยด้วย ระบายสิ่งที่คิดได้ออกไป หากไม่มี โต๊ะ เก้าอี้ หมาข้างบ้าน พร้อมรับฟังคุณ จะทำให้คุณสบายใจขึ้น
• เลี่ยงเลี่ยงร้านเกมส์ยิ่งไม่เห็นมันยิ่งดี
• คิดถึงหัวอกพ่อแม่ ที่เราเอาเงินที่ท่าหามาด้วยความเหนื่อยยาก ไปทิ้งกับเกมส์

คำถามท้ายรายการ ตอบซิคะ มันเล่นคุณ หรือ คุณเล่นมัน วันนี้คุณลดมันลงหรือยัง มันทำไรให้คุณบ้าง และคุณทำอะไรให้มัน
ขอขอบคุณบทความดีๆจาก
http://gamerteam.igetweb.com/index.php?mo=3&art=180705

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2551

วิธีคลายเครียดตามเดือนเกิด

มกราคม
เธอเป็นคนที่เห็นทุกสิ่งในชีวิตเป็นเรื่องจริงจัง เพราะชอบสะสมความเครียดมากไปหน่อย เอาเป็นว่า... เจียดเวลารีแลกซ์ด้วยการเล่นกีฬาโปรดดูบ้าง หรือถ้าไม่ว่างจริงๆ การอาบน้ำด้วยครีมสมุนไพรก็พอจะช่วยให้เธอผ่อนคลายได้เหมือนกัน
กุมภาพันธ์

เธอเป็นคนที่เครียดได้ง่ายมากๆ ถึงเธอจะไม่โวยวายแต่ก็เก็บความโกรธไว้ การผ่อนคลายที่เหมาะกับเธอคือ การได้อยู่คนเดียวเงียบๆ หรือทำกิจกรรมส่วนตัว หรือไม่ก็เล่นอินเตอร์เน็ตท่องโลกกว้าง
มีนาคม
เธอเป็นคนที่อ่อนไหว และชอบยกหัวใจให้อยู่ในกำมือของคนอื่น การคาดหวังมากเกินไปอาจทำให้เสียจิตคิดแล้วก็เครียด การผ่อนคลายของเธออาจจะเป็นการเล่นดนตรี หรือไม่ก็วาดภาพ แต่ถ้ามีเวลาสั้นๆ ก็แค่เอาตัวลงไปจุ่มในน้ำ แค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว
เมษายน
เธอเป็นคนที่มีสมาธิในการทำงานมาก จนบางครั้งลืมขยับเขยื้อนร่างกาย ทำให้อาการเมื่อยเข้าครอบงำ วิธีผ่อนคลายของเธอคือ การได้ออกแรงมากๆ กับกีฬาผาดโผน หรือไปเล่นเครื่องเล่นเสี่ยงตายในสวนสนุก มันจะทำให้สมองเธอโล่ง
พฤษภาคม
เธอเป็นคนที่มีสารเครียดอยู่ในร่างกายพอสมควร รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง หัวใจที่เพิ่มไม่ได้ทำให้เป็นคนหลายใจ แต่ทำให้เธอเข้ากับคนอื่นได้มากขึ้น วิธีผ่อนคลายของเธอคือ การได้เดินดูของสวยๆ งามๆ ก็ทำให้รีแลกซ์แล้วค่ะ
มิถุนายน
เธอเป็นคนชอบพบปะผู้คน ดังนั้นถ้าเธอรู้สึกเครียดไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร meeting กับเพื่อนน่าจะเป็นวิธีผ่อนคลายที่เธอทำได้ดีที่สุด หรือไม่ก็การช้อปปิ้ง
กรกฎาคม
สิ่งที่ทำให้เธอเครียดที่สุดก็คือ เรื่องการเดินทาง หรือต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย เพราะเธอเป็นคนเหนื่อยง่ายแถมถ้าเหนื่อยใจยิ่งแย่ไหญ่ การผ่อนคลายของเธอ น่าจะเป็นการได้เล่นกับสัตว์เลี้ยง ปลูกต้นไม้ หรือไม่ก็หลับยาวไปเลยก็ได้นะ
สิงหาคม
เรื่องที่ทำให้เธอเครียดมากที่สุดก็คือ ความพ่ายแพ้ เพราะเธอไม่ชอบแพ้ใครแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ วิธีผ่อนคลายของเธอคือการได้ดูหนัง ฟังเพลง ช้อป ดื่ม กิน เที่ยว แค่นั้นมันก็ทำให้เธอหายเครียดไปเยอะแล้ว
กันยายน
การได้นอนเกลือกกลิ้งอยู่กับคนรัก มันก็เป็นการผ่อนคลายที่มีความสุขของเธอ
ตุลาคม
เธอชอบอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย สิ่งที่ทำให้เธอเครียดได้ก็คือความเหงา แค่ได้วุ่นวายกับเสื้อผ้า แต่งหน้า ทำผม แบบโน้นแบบนี้ ก็เป็นการผ่อนคลายสำหรับเธอ
พฤศจิกายน
เธอเป็นคนที่เกิดอาการเครียดได้บ่อยเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องความรัก การผ่อนคลายขอเธอน่าจะเป็นการอ่านหนังสือนิยายรัก กุ๊กกิ๊ก ก็ช่วยเธอได้เหมือนกันนะ
ธันวาคม
ชอบอยู่นิ่ง ออกแนวไฮเปอร์หน่อยๆ การผ่อนคลายของเธอคือการได้ไปเที่ยวในที่ต่างๆ ไม่งั้นก็อ่านหนังสือแบบไม่จำกัดแนว ก็ช่วยให้สมองเธอปลอดโปร่งได้นะ สิ่งที่ทำให้เธอเครียดก็คือ การที่ต้องทนอยู่กันอะไรนานๆ เพราะเธอเป็นคนไม่เห็นทุกสิ่งในชีวิตเป็นเรื่องจริงจัง เพราะชอบสะสมความเครียดมาก

30 วิธีสร้างความสุขง่ายๆ

บางครั้ง ความสุขก็ไม่จำเป็นต้องไขว่คว้ามา บางครั้ง มันอาจจะจะอยู่ใกล้ๆตัวคุณก็ได้ ลองอ่านดูเผื่อคุณจะพบความสุขในไม่ช้านี้...
1. นึกไว้เสมอว่า การโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับคุณ 3 ชั่วโมง
2. ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจกรับรองว่าเขาต้องยิ้มตอบกลับมาทุกครั้ง
3. ลองปลูกต้นไม้เองซักต้นการเติบโตของมันจะบ่งบอกตัวตนของคุณได้
4. หลับตานิ่งๆสัก 3 นาที เมื่อรู้สึกว่าอะไรที่อยู่ตรงหน้ามันช่างยากเย็นเหลือเกิน
5. ระหว่างแปรงฟันฮัมเพลงไปด้วยจนจบ จะทำให้ฟันสะอาดขึ้นเป็น 2 เท่า
6. เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลงจากรสชาติที่ธรรมดา ก็จะอร่อยขึ้นเยอะเลย
7. ไม่ว่าผมจะสั้นหรือยาวแค่ไหนก็ต้องการให้หวีอย่างทะนุถนอมเหมือนกันหมด
8. การขึ้น-ลงบันไดสูงๆแบบไม่ให้เมื่อย คือ การไม่นับว่ากำลังยืนอยู่บันไดขั้นที่เท่าไร
9. คนตาบอดจะเห็นว่าคุณสวยมากๆทันทีที่คุณถามเขาว่า ช่วยพาข้ามถนนไหมคะ
10. เมื่อจะหยิบเศษเงินให้ขอทานไม่จำเป็นต้องนับก่อนที่จะหย่อนลงกระป๋องหรอก
11. ควรหัดพูดคำว่า ไม่เป็นไร ให้เคยปากมากกว่าจะพูดคำว่า จะเอายังไง
12. ลองตั้งนาฬิกาให้เร็วขึ้น 15 นาที รับรองว่าจะไม่ไปสายเหมือนเมื่อก่อน
13. สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง ดังนั้น เรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้ จึงเล่าให้มันฟังได้
14. อาหารที่จะไม่ชอบกินตอนเด็กลองตักเข้าปากอีกสักที เผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด
15. เขียนชื่อคนที่คุณเกลียดใส่กระดาษ แล้วฉีกทิ้ง (หรือแปะไว้ใต้รองเท้าแล้วใส่รองเท้านั้นไปเดินเล่นสักพัก)ความเกลียดจะเบาบางลงเรื่อยๆ
16. ปล่อยน้ำตาให้ไหลโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้ง จะดูแทบไม่ออกเลยว่าเพิ่งร้องไห้
17. ตุ๊กตาและของเล่นเก่าๆจะทำให้เรายิ้มออกเสมอเมื่อได้เห็นมันอีกครั้ง
18. ก่อนซื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาประโยชน์ของมัน ทำให้ได้ 3 ข้อก่อน
19. ถึงเสื้อและกางเกงในตู้จะมีอยู่น้อย แต่ถ้าใสสลับกันไปเรื่อยๆก็จะดูเหมือนมีเยอะขึ้น
20. ซาลาเปา 1 ลูก กินได้ 2 คน ลูกชิ้นปิ้ง 1 ไม้ กินได้ 4 คน ถ้าคุณคิดจะแบ่งเท่านั้นเอง
21. เลือกให้ของขวัญคนที่ไม่เคยได้ ดีกว่าให้คนที่ได้เยอะ จนจำชื่อคนให้ได้ไม่หมด
22. ในวันที่รู้สึกเศร้าหรือเหงาๆเดินไปซื้อดอกไม้ให้ตัวเองซักดอกก็จะดีขึ้น
23. แอบรักใครสักคน...ยังไงก็ยังดีกว่าไม่เคยรู้ว่าความรู้สึกรักมันเป็นอย่างไร
24. ถึงจะไม่ได้ออกไปไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความจะแต่งตัว สวยๆ หล่อๆ ไม่ได้นี่
25. ฝึกโรแมนติกง่ายๆคนเดียวบ้าง ด้วยการนั่งนับดาวให้ครบ 100 ดวงก่อนนอน
26. ถ้าคุณเช็ดกระจกที่ขุ่นมัวที่สุดจนสดใสได้ ทำไมถึงจะเรียนดีกว่านี้ไม่ได้
27. พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบ มันอาจจะไม่สนุก แต่ก็มีประโยชน์แฝงอยู่
28. วันที่ตื่นเช้าให้บิดขี้เกียจให้นานที่สุด เท่าที่จะนานได้ ถ้าขี้เกียจออกกำลังกาย
29. แค่เอาข้าวที่กินไม่หมดไปให้หมาที่เดินผ่าน ก็เป็นการทำบุญที่ไม่ต้องลงทุนแล้ว
30. ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นในบ้าน แม่จะได้มีค่าขนมให้คุณเพิ่มขึ้นอีกหลายบาท
ขอขอบคุณบทความดีๆแบบนี้ จากhttp://variety.teenee.com/foodforbrain/182.html

วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2551

อย่าเพิ่งบอกว่ารัก

ชอบเพลงนี้ค่ะ เพราะดี

ชื่อเพลง / Song : อย่าเพิ่งบอกว่ารัก
อัลบั้ม / Album :
BEAM
ศิลปิน / Artist :
บีม กวี
ค่ายเพลง / Label : RS

ดีใจ ที่เธอเอ่ยคำว่ารักให้กัน
เหมือนฝันที่ได้ยินคำนี้
แต่อยากให้ลองทบทวนดูสักที
ใช่ความต้องการแธอแน่หรือ

ไม่ใช่แค่เผลอใจใช่ไหม
ก็เธอเพิ่งเลิกลาเขาไป เช็คหัวใจดีๆ
อย่าให้คำว่ารักคำนี้มันทำร้ายเรา

อย่าเพิ่งบอกว่ารัก ถ้าเธอยังไม่แน่ใจ
อาจเป็นความเหงา ความใกล้ชิด ทำเธอหวั่นไหว
ไม่เป็นไรอยากให้รู้ ฉันไม่เคยหวังอะไร
ได้ดูแลเธอเรื่อยไปก็พอ

ค่อยบอกคำว่ารัก เมื่อตอนที่เธอแน่ใจ
บอกกันวันนั้น คงจะซึ้งและไม่สายไป
ฉันจะรอเธอตรงนี้ทุกนาทีไม่ไปไหน
นกว่าเธอจะรู้สึกว่าฉันใช่จริงๆ ค่อยรักกัน

บางที มันอาจเป็นเพียงแค่ชั่ววูบหนึ่ง
ซึ่งเธอต้องการใครแทนที่เขา แค่วันที่หัวใจรู้สึกเหงา
ใช่ความรักจริงๆ หรือเปล่า เช็คหัวใจดีๆ
อย่าให้คำว่ารักคำนี้มันทำร้ายเรา

อย่าเพิ่งบอกว่ารัก ถ้าเธอยังไม่แน่ใจ
อาจเป็นความเหงา ความใกล้ชิด ทำเธอหวั่นไหว
ไม่เป็นไรอยากให้รู้ ฉันไม่เคยหวังอะไร
ได้ดูแลเธอเรื่อยไปก็พอ

ค่อยบอกคำว่ารัก เมื่อตอนที่เธอแน่ใจ
บอกกันวันนั้น คงจะซึ้งและไม่สายไป
ฉันจะรอเธอตรงนี้ทุกนาทีไม่ไปไหน
จนกว่าเธอจะรู้สึกว่าฉันใช่จริงๆ ค่อยรักกัน

แม้ต้องเป็นฐานะอะไร กับฉันมันไม่สำคัญ
แล้วแต่เธอจะให้เป็น ขอบคุณในคำดีๆ ที่ให้ฉัน
(ค่อยบอกคำว่ารัก เมื่อตอนที่เธอแน่ใจ)

บอกกันวันนั้นคงจะซึ้งและไม่สายไป
ฉันจะรอเธอตรงนี้ ทุกนาทีไม่ไปไหน
ฉันจะรอเธอคนนี้
แค่เธอยืนอยู่ตรงนี้แล้วรู้สึกดีในหัวใจ
ก็มากพอแล้วไม่รู้เท่าไหร่ แค่ได้ใกล้เธอ

วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2551

14 อาการบ่งบอกว่าคุณกำลังมีความรัก

1. อยากเห็นหน้าไม่งั้นบ้าตาย
2. คิดถึง ...ตั้งแต่ตื่นนอน ...จนถึงเข้านอน ...หรือไม่ก็ฝันมันซะเลย ไม่เว้นแม้แต่เข้าห้องน้ำ

3. เห็นหน้าเขาคนนั้นทีไร หัวใจก็เต้นโครมครามโดยไม่มีเหตุผล
4. แอบมองเขาทั้งระยะใกล้และระยะไกล ไม่ให้เขารู้ตัว ไม่กล้าสบตา เดี๋ยวเขารู้
5. เกาะติดสถานการณ์ เห็นเขาอยู่ไหน พยายามพาตัวเข้าไปใกล้ใกล้
6. อยากรู้จัก อยากพูดคุย อยากได้ยินเสียง อยากยิ้มให้
7. โรแมนติกขึ้นมาหน้าตาเฉย มีการพับดาวใส่ขวด เขียนกลอน เพ้อรำพึงรำพัน
8. เห็นเขาเดินกับใคร คุยกับใคร หัวใจปั่นป่วนจวนจะระเบิด
9. หวั่นไหวไปกับเสียงเพลง และมิวสิควีดีโอ แอบยิ้มหวานคนเดียว
10. ห่วงใยความสวยของตัวเองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
11. สืบเสาะแสวงหาข้อมูลส่วนตัวของเขา เกิดวันไหน เรียนห้องไหน บ้านอยู่ไหน เบอร์โทรอะไรหาให้วุ่น

12. อยากรู้ว่าเขาชอบอะไร ดูหนังฟังเพลงแบบไหน อะไรนะที่เป็นของโปรด
13. เริ่มคิดหนักว่าเขามีใครเป็นหวานใจหรือยัง แล้วอย่างเรานี่สเป็กเขารึเปล่าเนี่ย เริ่มจินตนาการไปต่างต่างนานา
14. เริ่มบนบานศาลกล่าว ผ่านดวงดาว ลมหนาว ดวงจันทร์ ยันดวงอาทิตย์ ช่วยให้สมหวังที

วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ความลับ

วันนี้มีเนื้อเพลง ความลับ ของพอส(Pause)มาฝากค่ะ เพราะชอบเพลงนี้มากๆ
ชื่อเพลง :: ความลับ
ศิลปิน :: พอส
อัลบั้ม :: Rewind

มอง มองเธอมาแสนนาน
ฉันไม่กล้า ต้องคอยหลบตาเธอเสมอ
กลัวว่าวันหนึ่งถ้าเธอรู้ว่าฉัน...
ปิดบังความจริงอะไรเอาไว้

* ความลับที่ฉันซ่อนไว้ ไม่เคยบอกใคร จะอดใจไม่ไหว
** ยิ่งฉันใกล้เธอเท่าไหร่ ยิ่งอยากจะเผยใจ
เมื่อสบสายตา ก็ยิ่งหวั่นไหว
มันยากเหลือเกิน จะเก็บ ซ่อนความรักเอาไว้
และความลับในใจของเธอ มีฉันอยู่บ้างไหม
โปรดบอกความในใจ ให้ฉันรู้ทีนะเธอ

เก็บเอาคำพูดของเธอ มาคิดมาก
แอบคิดไปเองอยู่อย่างนี้
ก็เธอ เธอช่างดีแสนดี คำว่ารักเธอ
จะต้องเก็บไว้อีกนานแค่ไหน

( ซ้ำ * , ** )
( ซ้ำ * , ** , ** )


วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2551

Science Camp 2008

ดีจ้า..เพื่อนๆที่น่ารักทุกคน
เป็นการเข้าค่ายวิทยาศาสตร์ของนักเรียนห้องโครงการวิทยาศาสตร์และห้องเรียนวิทยาศาสตร์พิเศษโดยเข้าค่าย 3 วัน 2 คืน ด้วยกัน ตั้งแต่วันที่27-29 กันยายน 2551 ซึ่งในวันแรกก็ได้มีกิจกรรมเข้าฐาน
ฐานที่ 1 คือ ฐาน FILA เพื่อนสงสัยมั้ยค่ะว่า FILA คืออะไร จากการที่เราได้เรียนรู้เรื่องกระบวนการ FILA แล้ว ก็สรุปความได้ว่า FILA เป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทีจะเป็นตัวช่วยในการคิด วิเคราะห์ สิ่งที่เป็นปัญหาที่เราสงสัย เพื่อนำไปสู่การทำโครงงาน
F : Fact คือ ข้อเท็จจริงหรือความจริงที่เราได้มาจากการสังเกต
I : Ideas คือ สมมติฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นแนวทางที่ใช้นำไปสู่การทดลอง
L : Learning issues คือ สิ่งที่เราต้องศึกษาเพิ่มเติม
A : Action Plan คือ แนวทางการค้นคว้า
ฐานที่ 2 จะเป็นฐานที่เกี่ยวกับการสำรวจสภาพแวดล้อมบริเวณโรงเรียน โดยใช้กระบวนการ FILA เป็นตัวช่วยในการหาปัญหาและนำไปสู่แนวทางการแก้ไข
ฐานที่ 3 เป็นการประดิษฐ์เครื่องบิน โดยเราได้ประดิษฐ์เครื่องบินขึ้นมาด้วยกัน 3 ลำด้วยกัน สำหรับลำแรก เป็นเครื่องบินกระดาษที่ตัดตามแบบ 2 มิติ แต่ประกอบเป็นแบบ 3 มิติ
ลำที่ 2 เป็นเครื่องบินที่ทำจากโฟม โดยคุณครูจะมีโฟมให้เราเพียงแผ่นเดียว และให้ประดิษฐ์เครื่องบินตามจินตนาการขึ้นมาให้ได้หนึ่งลำ ซึ่งมีข้อแม้ว่า เครื่องบินที่ปรพดิษฐ์ขึ้นมานั้น ต้องสามารถบินอยู่ในอากาศได้นานที่สุด สำหรับเครื่องบินลำนี้กลุ่มของเราภูมิใจมากที่สุด เพราะว่า มันสามารถลอยตัวอยู่บนอากาศได้จริงๆค่ะ รูปแบบเครื่องบินก็เท่ระเบิด จริงๆนะคะ^^
ลำสุดท้าย เป็นเครื่องบินที่ประดิษฐ์มาจากหลอดและกระดาษ แต่มีข้อบังคับว่า เมื่อประดิษฐ์เครื่องบินลำนี้ขึ้นมาแล้ว ต้องสามารถลอยในอากาศได้ระยะทาง 5 เมตร และเลี้ยวขวาได้ซึ่งกลุ่มของเราทำให้เจ้าเครื่องนี้ลำนี้เลี้ยวขวาไม่ได้ พูดง่ายๆก็คือ มันยังบินไม่ได้นั้นเอง-*-
วันที่ 2 พวกเราได้เดินทางไปโรงเรียนบางตะบูนค่ะ
ภาคเช้า : กลุ่มของข้าพเจ้าได้เดินทางไปบ้านลุงไสย เพื่อไปศึกษาวิธีการเผาถ่านจากไม้โกงกางที่มีคุณภาพสูงในการให้พลังงานความร้อนและผลพลอยได้จากการเผาถ่าน ก็คือ นำส้มควันไม้ซึ่งนำมาใช้ในการฆ่าแมลง อยากจะบอกว่าไม้ที่นำไปเรียงในเตานั้นมากมายจริงๆค่ะ ทุกคนตกตลึงกันทุกคนเลย
วิธีการเผาไม้โกงกางนั้น อันดับแรก : ไม้โกงกางที่นำมาเผานั้นต้องมีอายุ 8-10 ปี โดยจะนำมาลอกเปลือกไม้ออกและตัดให้ยาวประมาณ 140 cm
ขั้นที่ 2 : นำไม้โกงกางที่ตัดแล้วไปเรียงในเตาเผาความจุประมาณ 30 ลูกบาศก์เซนติเมตร
ขั้นที่ 3 : เผาไม้ประมาณ 10 -15 วัน โดยใช้เชื้อเพลิงที่ได้จากกิ่ง ราก ของต้นโกงกางมาสุ่มไว้นอกเตา โดยไม้โกงกางจะไม่สัมผัสกับไฟแต่จะเป็นความร้อนที่ได้จากไฟแผ่เข้าไปในเตาแทนค่ะ
หลังจากนั้นเราได้เดินทางต่อไปขึ้นเรือที่วัดปากอ่าวเพื่อไปศึกษาระบบนิเวศบริเวณปากแม่น้ำค่ะ อาชีพส่วนใหญ่ในบริเวณนี้ก็จะเป็นการเลี้ยงหอยแมลงภู่และหอยนางรมค่ะ


ภาคบ่าย :พวกเราได้นั่งฟังบรรยายเกี่ยวกับป่าชายเลน และการศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลนค่ะ ได้ความรู้มากมายเกี่ยวกับการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตบริเวณป่าชายเลน และยังได้ลงสำรวจพื้นที่บริเวณป่าชายเลนอีกด้วยค่ะ
หลังจากนั้นเมื่อกลับมาถึงโรงเรียน พวกเราต้องนำเสนอเค้าโครงงานโดยใช้กระบวนการขอ FILAเป็นตัวช่วยอีกเช่นเคยค่ะ
เราคิดว่าวันนี้(28/09/2008)เป็นวันที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะพวกเราได้พบกับ ผอ. นคร ตังคะพิภพ และวันนี้ยังเป็นวันคล้ายวันเกิดของท่านอีกด้วย ท่านได้มาให้ความรู้เกี่ยวกับ บ้านสิรินธร ซึ่งเป็นบ้านที่พวกเราซึ่งศึกษาเกี่ยวกับการวิจัยจะเข้ามาอยู่ ณ บ้านหลังนี้ ท่านได้บอกเอาไว้อีกด้วยว่า "พวกเราจะได้เข้าไปอยู่ในบ้านหลังนี้" นี้เป็นคำกล่าวที่เราฟังแล้วมีกำลังใจในการเรียนสายวิทย์อีกเยอะเลยหลังจากนั้น เราก็ได้พบกับ Dr.ดำรงค์ ที่มาให้ความรู้เกี่ยวกับการทำโครงงาน กลุ่มของเราได้ออกไปนำเสนอโครงงานเรื่อง เพรียงมีผลต่อการเกาะของหอยแมลงภู่หรือไม่(อะไรประมาณนี่แหละ เพราะเราก็ยังตั้งชื่อโครงงานไม่ออก) คุณครูบอกว่าเป็นโครงงานที่น่าสนใจ ให้ลองทำดู ซึ่งกลุ่มของเราก็คิดว่าจะทำในช่วงปิดภาคเรียนนี่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำสำเร๊จรึป่าว ต้องทำสำเร็จซิเน้อๆๆๆๆ
ภาพประทับใจ :


วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551

หางสุนัขบอกอะไรคุณ

สำหรับคนที่ชอบเลี้ยงสุนัขแบบเรา วันนี้เรามีการส่ายหางของสุนัขมาฝากค่ะ เพราะเราควรศึกษาสิ่งที่สุนัขจะพยายามสื่อให้เราทราบไว้ด้วยคะ เผื่อจะช่วยอะไรมันได้บ้าง^^"(เกี่ยวกันรึเปล่าเนี่ย!!)

กระดิกไปมา...แสดงว่า ดีใจ,ร่าเริง,มีความสุข,ยิ้ม
สะบัดแรงจนก้นส่าย...แสดงว่า ดีใจ(กว่า),ร่าเริง(กว่า),ตื่นเต้น,คึก
หมุนควงสว่าน...แสดงว่า ดีใจเวอร์,หรือไม่ก็งง ประมาณว่า นี้เราดีใจเรื่องอะไร
หางตก...แสดงว่า กลัว,จ๋อย,หงอย,เศร้า,แห้ว,สูญเสียความมั่นใน ฯลฯ
ฟูเป็นหางกระรอกตั้งชี้...แสดงว่า ตกใจ,ตื่นกลัว,พยายาม Bluff คู่ต่อสู้
ส่ายช่าๆหรือแกว่งขนานกับพื้น...แสดงว่า Happy,อารมณ์ดี,หรือไม่ก็ปิ๊ง "รัก"

อ่านแล้วก็อย่าลืมให้อาหารและความรักแก่สุนัขบ้างนะคะ!!!

ที่มา : ฺBOY THE CLASSIC

วิธีกินข้าว...ให้อร่อย

  1. หิว (ต้องให้หิวก่อน ถ้าไม้่หิวอย่ากิน เพราะต่อให้เป็นอาหารที่โปรดปรานมันก็จะไม่อร่อยเท่าที่ควร)
  2. ตักข้าวใส่จานพอประมาณ กะว่าพอกินหมด
  3. ตักข้าวใส่ปาก...ยัง!!ไม่มีทางอร่อยได้ถ้าไม่มีกับข้าว..ตักกับข้าวที่โปรดก่อน..ถ้าไม่มีให้นึกถึงเมนูจานโปรด เป็นเนื้อจะอร่อยกว่าน้ำ
  4. ใช้ช้อน เลือกตามขนาดให้พอดีกับปากและความมัน...ตักทั้งข้าวและกับขึ้นมา เอาเข้าปากอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  5. อย่าอมนาน แต่ให้เคี้ยวนานๆ เพื่อดื่มด่ำรสชาติของอาหารได้เต็มที่ ระวัง! พาหนะนำทางใหญ่เกินไป(ช้อน)จะทิ้มเหงือกเอาได้ แล้วจะหมดสนุก
  6. หากสุขภาพฟันไม่ดี ควรหลีกเลี่ยงทิศทางนั้น หากเป็นทั้งปาก แนะนำให้หยอดน้ำข้าวต้มดีกว่า
  7. กลืน หากเคี้ยวแล้วคาย หรืออมไม่เคี้ยว ถือว่าไม่อร่อย

ข้อเสนอแนะ : จะสุขสุดๆ หากคนตักกับข้าวกับคนเคี้ยวเป็นคนละคนกัน โดยเฉพาะคนที่รักกัน แม่ป้อนลูกเคี้ยว หรือเธอป้อนเราเคี้ยว กินได้ตลอดเวลา ต่อให้เป็นข้าวเปล่าก็อร่อย ไม่เชื่อลองดู!! หากโดนว่าว่า"มีมือก็กินเองสิ"..หาคนคุ้นเคยมาร่วมวงด้วย ที่ไม่ใช่คนที่พูด ข้าวจะอร่อยขึ้น.. กินคนเดียวมันอร่อยไม่เต็มที่ กินกับคนแปลกหน้าไม่กล้ากิน!!

Trickนี้ เอามาให้อ่านขำๆนะคะ 555+ ไม่ต้องคิดมาก^w^"